Articles by "news"
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ news แสดงบทความทั้งหมด
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ก็มีเสียงสะท้อนจากชาวบ้านกลับมาว่า รู้สึกไม่สบายใจหลังเห็นข่าว น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ทวิตเตอร์ Pannika Wanich @Pannika_FWP ให้ยกเลิก ม.112 เพราะเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ตนก็สงสัยว่า ม.112 ไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพประชาชนอย่างไร ตนไม่ทราบว่า น.ส.พรรณิการ์ เคยอ่านกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก ม.112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี” และ น.ส.พรรณิการ์ มีความเดือดร้อนอะไรถ้าไม่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม


นายสามารถ กล่าวอีกว่า หากแม้เป็นประชาชนยังมีกฎหมายคุ้มครองห้ามผู้ใดมาหมิ่นประมาทผู้อื่นก็มีบทลงโทษ แต่สถาบันซึ่งเป็นสิ่งเทิดทูนของคนไทยทั้งประเทศให้การเคารพ รวมถึงตนเองด้วย และตนมั่นใจว่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยคงไม่ยอมให้ใครมาพูดจาว่าร้ายสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง เพราะขนาดเป็นแค่ญาติพี่น้องครอบครัวเราใครมาพูดว่าให้ร้ายก็ยังไม่ยอมเลย ดังนั้น ตนมั่นใจว่า คนไทยต้องปกป้องและไม่ทำให้สถาบันต้องมัวหมองเด็ดขาด ถ้า น.ส.พรรณิการ์ จะแก้กฎหมาย ม.112 ก็ขอให้แก้ไปแบบเดิมน่าจะดี ตนจึงอยากให้ย้อนดูประวัติศาสตร์ว่ากฎหมายนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่จะหยิบยกตัวอย่างใกล้ตัว คือ กฎหมายตรา 3 ดวง ในสมัย ร.1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดจากการชำระกฎหมายต่างๆ ในสมัยอยุธยา ซึ่งกฎหมายตรา 3 ดวง บัญญัติความผิดที่กระทำต่อพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมาก ตนขอยกมาเฉพาะ ในพระอาญาหลวง มาตรา 7 เป็นความผิดฐานเจรจาอันหยาบช้าต่อพระเจ้าอยู่หัวและประมาทหมิ่นพระราชบัญญัติ และพระบัณฑูร ความว่า


“ผู้ใดทะนงองอาจ์บ่ยำบ่กลัว เจรจาหยาบช้าต่อพระเจ้าอยู่หัวประมาทหมิ่นพระราชบัญญัติ แลพระบันทูลพระโองการ ท่านว่าผู้นั้นเลมิดพระราชอาญาพระเจ้าอยู่หัว ท่านให้ลงโทษ 8 สถานๆ หนึ่ง คือ ให้ฟันฅอริบเรือน ให้ตัดปากตัดหูตัดมือตัดตีนเสีย ให้ทวนด้วยลวดหนัง 25 ที 50 ที ให้จำไว้เดือนหนึ่ง แล้วเอาตัวลงหญ้าช้าง ให้ไหมจัตุระคูน แล้วเอาตัวลงเปนไพร่ ให้ไหมทวีคูน ให้ไหมลาหนึ่ง ให้ภาคทัณท์ไว้”


มาตรา 72 ความผิดฐานติเตียนนินทาว่ากล่าวพระเจ้าอยู่หัว ความว่า “ถ้าผู้ใดติเตียนนินทาว่ากล่าวพระเจ้าอยู่หัวต่างต่าง พิจารณาเปนสัจ ให้ลงโทษ 3 สถานๆ หนึ่งคือ ให้ฟันฅอริบเรือน ให้ริบเอาสิ่งสีนแล้วเอาตัวลงหญ้าช้าง ให้ทวนด้วยลวดหนังโดยสกัน 50 ที มิสกัน 25 ที” และมาตรา 58 ความผิดฐานด่าผู้มีบรรดาศักดิ์ ความว่า “..ด่าท่านผู้มิบันดาศักดิ ท่านให้ลงโทษ 4 สถาน สถานหนึ่งคือ ให้แหวะปากลงโทษถึงสิ้นชีวิตร ให้ตัดปากเสีย ให้ทวนด้วยลวดหนัง 50 ที ไม้หวาย 25 ที ให้ไหมโดยยศถาศักดิ”


ต่อมา มีกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ด้วยกระแสรัฐสมัยใหม่จากตะวันตก อย่างเช่น ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีการให้ปฏิรูปกฎหมายและศาลนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ซึ่งมีการเพิ่มโทษฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ให้สูงขึ้นด้วย กฎหมายนี้กำหนดความผิดฐานประทุษร้ายต่อพระบรมราชตระกูลไว้ในส่วนที่ 1 มาตรา 98 ความว่า “ผู้ใดทนงองอาจ แสดงความอาฆาฎมาดร้ายหรือหมิ่นประมาทต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระมเหษีก็ดี มกุฎราชกุมารก็ดี ต่อผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในเวลารักษาราชการต่างพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี ท่านว่าโทษของมันถึงจำคุกไม่เกินกว่าเจ็ดปี แลให้ปรับไม่เกินกว่า ห้าพันบาท อีกโสดหนึ่ง” และมาตรา 100 ความว่า “ผู้ใดทนงองอาจ แสดงความอาฆาฎมาดร้ายหรือหมิ่นประมาทต่อพระราชโอรส พระราชธิดา ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่ารัชกาลหนึ่งรัชกาลใด ท่านว่าโทษของมันถึงจำคุกไม่เกินสามปี แลให้ปรับไม่เกินกว่าสองพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”


นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดความผิดจากการทำให้เกิดการดูหมิ่นและขาดความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ในหมวด 2 ว่าด้วยความผิดฐานกบฎภายในพระราชอาณาจักรมาตรา 104 ไว้ด้วย ความว่า “ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย ด้วยประการใดใด โดยเจตนาต่อผลอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ว่าต่อไปในมาตรานี้ คือ (1) เพื่อจะให้ขาดความจงรักภักดีหรือดูหมิ่น ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี ต่อรัฐบาลก็ดี หรือต่อราชการแผ่นดินก็ดี…ท่านให้เอามันผู้กระทำการอย่างใดใดโดยเจตนาเช่นว่ามานี้ ลงอาญาจำคุกไม่เกินกว่าสามปี แลให้ปรับไม่เกินกว่าพันบาทด้วยอีกโสตหนึ่ง”


นอกจากนี้ ขอหยิบยกเหตุการณ์ช่วงที่เริ่มมีคอมมิวนิสต์เข้ามาในประเทศไทย ก็มีการพยายามแก้กฎหมายการหมิ่นสถาบันอยู่หลายครั้ง เพื่อทำให้สถาบันอ่อนแอลงยิ่งช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองหลัง พ.ศ. 2475 มีการแก้กฎหมาย มาตรา 112 อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งแนวความคิดการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ยิ่งทวีความรุนแรงก็จะมีการขอให้แก้ไข มาตรา 112 ตลอดเวลา ไม่ว่าเป็นช่วง พ.ศ. 2499 หรือ พ.ศ. 2519 สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันหรือไม่ การที่หยิบยกอดีตประวัติศาสตร์เพราะสมัยโบราณพระมหากษัตริย์ไทยเป็นจอมทัพ ทรงเสียสละปกป้องแผ่นดินเพื่อประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ตนขอหยิบยกคำสอนของหลวงพ่อคูณมาเป็นคำเตือนใจว่า “อย่าเณรคุณแผ่นดิน” เพราะว่าแผ่นดินนี้ให้เราเกิด แผ่นดินนี้ให้อาชีพ แผ่นดินนี้ให้ครอบครัว เราอย่าเณรคุณแผ่นดินนี้


นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอเตือนสติ น.ส.พรรณิการ์ ว่า อยากให้มีความรักต่อแผ่นดินถิ่นเกิดและสถาบันให้ได้สัก 1 ใน 100 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประเทศไทยจะได้ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ สิ่งที่ น.ส.พรรณิการ์ เรียกร้องตนไม่เข้าใจถึงแนวคิด หรืออาจจะได้ข้อมูลอะไรผิดๆ ถึงได้พูดแบบนั้น หรือไม่แน่ว่าทฤษฎีสมคบคิดแบบที่ชาวบ้านว่าน่าจะเป็นจริง ตนเป็นห่วงคณะก้าวหน้าเพราะเห็นหลักการของผู้นำคณะก้าวหน้าแล้วน่าเป็นห่วง เพราะนอกจากไม่ศึกษาประวัติศาตร์แล้วยังเข้าใจแบบผิดๆ แล้วชอบยึดหลักแต่กฎกู ชอบเอาข้อมูลเท็จมาบอกประชาชน ตรงนี้น่าเป็นห่วง ตนขอเสนอ น.ส.พรรณิการ์ ตามที่ชาวบ้านบอกมาว่า ถ้าจะแก้กฎหมาย มาตรา112 ก็ให้เอากฎหมายสมัย 3 สามดวงมาใช้คือให้นำบทลงโทษ ฟันคอริบเรือนมาใช้ น่าจะดีอย่างแน่นอน

ข่าวจาก นิวส์วัน
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


7 พ.ย.61 นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการเสื้อแดง และผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pavin Chachavalpongpun” ประกาศสะบั้นสัมพันธุ์กับพรรคอนาคตใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระบุเหตุยาวเหยียดหลายข้อว่า Executive summary ก่อนที่เราจะเดินจากจากดราม่าครั้งนี้


1.ปวินวิจารณ์เฌอปรางที่บอกเหนื่อย บอกว่า ถ้าเหนื่อยนักก็นั่งตะไบเล็บอยู่บ้าน ดัดจริต โดยทันที โอตะโกรธ บอกว่าปวินหยาบคาบ อคติ อิจฉา เล่นเฌอปรางอีกแล้ว ทำไมน้องเหนื่อยไม่ได้ ฯลฯ
2.กระบวนการถล่มปวินเริ่ม โอตะทำเพจด่าปวิน หยาบคายหรือเปล่าอยู่ที่การมองของแต่ละคน
3.โอตะใช้กลยุทธเอาความสนิทที่ปวินมีต่ออนาคตใหม่ มาเชื่อมโยง หากพรรคนี้มีปวิน ก็จะไม่เลือกพรรคอนาคตใหม่
4.ปวินมั่นใจในจุดยืนธนาธร แสดงความเห็นว่า คนมั่นคงอย่างเอกคงไม่สนเสียงโอตะไร้คุณภาพ ในจุดนี้ หมายถึงกลุ่มคนที่สนับสนุนนักร้องเด็กที่ซักฟอกเผด็จการจะเป็นเสียงมีคุณภาพในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร
5.โอตะเหลืองและโอตะแดง เอาปวินไปเปรียบกับเสรีที่พูดเรื่องเสียงคุณภาพ แม้ว่าปวินไม่ได้บอกเลยว่าโอตะไม่สมควรมีสิทธิหรือเสียงทางการเมือง
6.สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ออกตัว ตัดปวินปล่อยวัด อ้างว่าล้ำเส้นและเหยียดโอตะว่าไร้คุณภาพ
7.ปวินถูกเท หน้าหงาย
8.ปวินคุยกับโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่าพรรคทำอะไรไม่ได้ สมาชิกพรรคมีสิทธิมีเสียงและเสรีภาพในการพูดอะไรก็ได้ ลอยตัว
9.ธนาธรแจ้งว่า เป็นเสรีภาพของเฌอปรางในการสนับสนุนเผด็จการ พรรคยอมรับได้
.....บทสรุป
1.ไข่แมววาดการ์ตูน แนะว่าทะเลาะกันเอง ตายทุกคน สุเทพกับ คสช ได้ประโยชน์ อันนี้ผิด ที่ผิดเพราะว่า แม้ว่าจะไม่มีใครเหลือในจักรวาล คนที่สติดีก็ยังไม่เลือกสุเทพและเผด็จการอยู่ดี
2.ปวิน มีชีวิตรอด ถ้าจะมองว่าสร้างประเด็นเพื่อทำลายผู้ซักฟอกเผด็จการ การสร้างประเด็นเกิดขึ้นแล้ว คนเกลียดอาจมากขึ้น ในส่วนของโอตะอาจไม่เพิ่ม เพราะเกลียดแต่แรก แต่ที่เพิ่มอาจมาจากผู้สนับสนุนอนาคตใหม่
3.เฌอปรางรอด ได้รางวัลความสงสาร แต่ได้ความหมั่นไส้จากคนที่ไม่เอานางเช่นกัน
4.โอตะ รอด สะใจถล่มปวิน แต่ยังไม่สามารถปีนออกจากเหว...
5.อนาคตใหม่ พรรครอด ไม่ล่มสลาย แต่คนตาสว่างมากขึ้นกับความไร้จุดยืนของพรรค
6.ความสัมพันธ์อนาคตใหม่กับโอตะสานต่อ
7.ความสัมพันธ์ของปวินกับอนาคตใหม่ จบตรงนี้
.....แยกย้ายไปทำมาหากินต่อได้แล้ว





ข่าวจาก แนวหน้า
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



วันที่ 7 พฤศจิกายน นายแพทย์เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนทั่วไปและผู้ป่วยที่เข้ารับบริการจำนวนมากในโรงพยาบาลได้ให้ความสนใจและถ่ายภาพไว้เป็นระลึก หลังจากมีการวาดภาพ “ ตูน บอดี้สแลม “ หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย ขนาดใหญ่ บริเวณฝาผนังด้านข้างของอาคารผู้ป่วยใน 6 ชั้น ที่ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2558 เพื่อระลึกถึงกิจกรรมของโครงการ “ก้าวคนละก้าว” หลังจาก ตูน บอดี้สแลมและทีมงาน เริ่มวิ่งระดมทุนบริจาคครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2559 เส้นทางกรุงเทพ – บางสะพานระยะทาง 400 กิโลเมตร( กม.) จากนั้นมอบเงินบริจาคทั้งหมดให้ รพ.บางสะพาน จำนวน 80 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดซื้อครุภัณฑ์การแพทย์ การก่อสร้างอาคารเพื่อสนับสนุนงานบริการ และส่วนหนึ่งมอบให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ( รพ.สต.)ในพื้นที่ อ.บางสะพาน ช่วยเหลือผู้ป่วยตืดเตียง และต่อมากลุ่มคนรักบ้านเกิดได้ประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่อระดมทุนจัดกิจกรรมวาดภาพขนาดใหญ่บนฝาผนังตึก




“สำหรับภาพบนฝาผนังตึก 6 ชั้น ทีมนักศึกษาใช้เวลาวาดประมาณ 10 วัน ใช้งบประมาณค่าสีและค้าจ้างเหมานั่งร้านประมาณแสนกว่าบาท จากการสนับสนุนของกลุ่มคนรักบ้านเกิด สำหรับภาพดังกล่าวเป็นฝีมือการออกแบบสร้างสรรค์ โดยกลุ่มนักศึกษาที่ใช้ชื่อ เทมโพลารี่ เวสส์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับทีมนักศึกษาจากเทคโนลาดกระบัง และในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ นักศึกษาทีมเดิมจะเดินทางไปวาดภาพของคุณตูน บอดี้สแลม ที่ประสบความสำเร็จจากการระดมทุนวิ่งเบตง – แม่สาย รวมทั้งภาพเพื่อเผยแพร่ของดีในอำเภอบางสะพาน ที่ออกแบบเรียบร้อยแล้ว บริเวณห้องโถงด้านหน้าสิฟท์ในอาคาร 6 ชั้น ตามแผนงานที่กำหนดไว้ จากนั้นต้นเดือนธันวาคมนี้ ช่วงครบรอบ 2 ปี การวิ่งจากกรุงเทพฯถึงบางสะพาน คุณตูนจะเดินทางมาพบกับกลุ่มนักศึกษาโดยมีกิจกรรมร่วมกันพร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นที่ระลึกบนภาพวาด”นายแพทย์เชิดชาย กล่าว










ข่าวจาก มติชนออนไลน์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


ส.ส.พรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์ 3 คนประกาศขอรับเงินบริจาค เพื่อใช้ต่อสู้คดีที่พวกเขาโดนเทศบาลเมือง 2 แห่งฟ้องร้องข้อหาจ่ายเงินไม่เหมาะสมให้กับบริษัทหลายแห่ง ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายกว่า 30 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 715 ล้านบาท ที่อาจทำให้เขาพวกเขาล้มละลายและสิ้นสภาพ ส.ส.


ส.ส.ทั้ง 3 คนมาจากพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของสิงคโปร์ แต่มี ส.ส.เพียง 6 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 88 ที่นั่ง  ได้แก่ หัวหน้าพรรค พริทาม ซิงห์, อดีตหัวหน้าพรรค โลว์ เตีย เกียง และประธานพรรค ซิลเวีย ลิม
ทั้ง 3 คนออกแถลงการณ์ร่วมกันทางเว็บไซต์ของพรรคเมื่อวันพุธ ระบุว่า พวกเขาจะต่อสู้ในคดีนี้อย่างถึงที่สุด แต่ถ้าแพ้คดีและต้องจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้น พวกเขาจะต้องล้มละลาย
ตามกฎหมายสิงคโปร์บุคคลที่ล้มละลายจะขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส. ทำให้พรรคฝ่ายค้านต้องเสียที่นั่งในสภาไป 3 ที่นั่ง โดยปัจจุบัน ส.ส. 82 ที่นั่งเป็นของพรรคกิจประชาชนที่ก่อตั้งโดยลี กวน ยู ผู้ก่อตั้งประเทศ
พวกเขาบอกว่า ใช้เงินเก็บและเงินที่เพื่อนๆ ให้มาเป็นค่าทนายความและค่าธรรมเนียมในการสู้คดีไปแล้ว 600,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถึงช่วงค่ำวันพุธ พวกเขาได้เงินบริจาคแล้วกว่า 65,000 ดอลลาร์สิงคโปร์.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


25 ต.ค.61-นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ระบุว่า
วันนี้เวลา 09.30 ผมพร้อมด้วยม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย “รปช.” กรรมการบริหารพรรคและคณะผู้ร่วมจัดตั้งพรรค เข้าวางพานพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ ณ เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี ที่สะพานพุทธฯ ก่อนจะร่วมกันกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะจงรักภักดี เทิดทูน ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์และจะเป็นพรรคการเมืองที่ยึดถือผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง 
จากนั้นผมในฐานะประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรคจะเริ่มปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน เชิญชวนประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมกันเป็นเจ้าของพรรคด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรค และยังเป็นการรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน ในย่านปากคลองตลาด บ้านหม้อ พาหุรัด วังบูรพา ดิโอลด์สยาม ศาลาว่าการ กทม. ศาลเจ้าพ่อเสือ จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แล้วพบกันตามเส้นทางดังกล่าวครับ.










ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


 พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะมอบหมายให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงในนามของสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่อง ครม.อะไรต่างๆ เหล่านี้ เพราะหลายคนอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ตนก็ให้สัมภาษณ์แบบเดิม เพียงแต่ทำหน้าที่ชี้แจงแทน ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักฯ ก็ไปทำหน้าที่รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็แบ่งงานกันไป ยังช่วยกันไปเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าทำงานด้วยกัน รัฐบาลเดียวกัน ใครอยู่ตรงไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่วิธีการนำเสนออาจจะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ลุคส์ใหม่หน่อย ไม่เบื่อหน้านายกฯ เบื่อหรือยัง จะได้หาคนมาชี้แจงแทนนายกฯ


    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ท.สรรเสริญยังจะรั้งตำแหน่งรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็จะแยกหน้าที่กันไปเลย แบ่งหน้าที่กันใหม่เป็นการภายในได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปออกคำสั่งอะไรใหม่หรอก คุยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไร ทาง พล.ท.สรรเสริญก็สามารถจะชี้แจงได้เหมือนกัน ถ้าสงสัยตรงนี้ไปถามตรงโน้นก็ได้ ทำไมเดี๋ยวนักข่าวก็ไปบอกว่าถูกขึ้นหิ้ง
ปรับแผนการสื่อสาร



    เมื่อถามว่า เป็นการปรับกลยุทธ์การให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า นายพุทธิพงษ์พูดภาษาง่ายๆ บางทีทหารพูดเป็นทางการ แต่พล.ท.สรรเสริญไม่ได้บกพร่องอะไร เพียงแต่เปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง เมื่อถามอีกว่าเป็นเพราะใกล้เลือกตั้งหรือไม่ ถึงได้ให้คนที่เชี่ยวชาญการเมืองอย่างนายพุทธิพงษ์เข้ามาทำหน้าที่โฆษก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ไม่เกี่ยวๆ การเมืองก็คือการเมือง"



    ด้านนายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ตนทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ในส่วนที่จะต้องชี้แจงกับประชาชนก็ทำได้ในระดับหนึ่ง วันนี้นายกฯ มีแนวทางที่ให้ พล.ท.สรรเสริญไปปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างเต็มตัว ทั้งนี้ตนจะทำหน้าที่ 2 ตำแหน่ง ทั้งรองเลขาธิการนายกฯ และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งตนเพิ่งทราบว่าจะต้องมาทำหน้าที่โฆษกฯ ตอนที่นายกฯ แถลงกับสื่อมวลชนเมื่อสักครู่ นายกฯ ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า



    "ก็ต้องมีการปรับแผนในการสื่อสารกับสื่อมวลชนในหลายมิติ ที่ทำไปก่อนหน้านี้คือเรื่องโซเชียลมีเดีย จากนี้ไปก็จะทำเพิ่มอีกหลายระดับ ซึ่งจะมีทีมเข้ามาช่วยในการสื่อสาร ทั้งเรื่องสังคม ปัญหาของประชาชน ซึ่งจะใช้การสื่อสารตรงนี้อำนวยความสะดวกกับสื่อมวลชนในทุกด้าน เพื่อสื่อสารถึงประชาชนให้ดีขึ้น"


     ถามว่า เป็นการปรับโฉมใหม่ของรัฐบาลก่อนที่จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะกระบวนการเลือกตั้งก็มีโรดแมปอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์และข้อมูลข่าวสาร ถ้าทำแล้วสามารถอำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอประชาชนให้ง่ายขึ้น ก็เป็นยุทธศาสตร์ในเรื่องการสื่อสารมากกว่า


    ส่วน พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า หลังจากที่นายกฯ มีคำสั่งดังกล่าว ตนจะทำหน้าที่เพียงตำแหน่งเดียวคืออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ต้องรอระเบียบขั้นตอนของการโอนย้ายจากข้าราชการทหารมาเป็นข้าราชการพลเรือนให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตน ซึ่งหมายถึงเลขาธิการนายกฯ และนายกฯ ตกลงใจเลือกสิ่งใดให้แล้ว ย่อมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้บังคับบัญชาให้ความไว้วางใจ ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง อยู่ตรงไหนก็ยังทำงานได้ ทั้งนี้ เมื่อเป็นข้าราชการ อยู่ในตำแหน่งเดียว แล้วจะมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ ไม่ได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวเป็นของข้าราชการการเมือง
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



วันนี้ (21 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไลฟ์สดทางเฟสบุ๊กเรื่อง ประชาชน สามารถควบคุม ส.ส. ได้จริงหรือ..? โดยเล่าว่า


“แกนนำพรรคพยายามสร้างพรรคการเมืองของประชาชนขึ้นมาในประเทศนี้ให้ได้ โดยได้เสนอแนวคิดการควบคุมนักการเมือง หลังมีคำถามว่าจะทำให้ประชาชนควบคุม ส.ส.ได้จริงๆ หรือ โดยพรรครปช. ผู้ที่จะเป็นส.ส.ต้องมาจาก ประชาชนเลือกให้มารับสมัคร จึงตอบได้ว่าประชาชนสามารถควบคุม สส.ได้จริง และประชาชนยังเป็นผู้กำหนดตัวผู้บริหาร หากประพฤติตัวไม่ดี ทำงานไม่ได้ดั่งใจประชาชน ครบ4 ปี ก็เลือกใหม่”



“นอกจากนี้ ประชาชน เป็นผู้กำหนดเลือกตัวผู้ที่จะไปเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องรอครบ 4 ปี หากเกิดปัญหา สามารถเอาออกได้ทันที ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้ประเทศ โดยจะมีอำนาจเลือกคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรค ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม มีหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของคนที่เป็นรัฐมนตรรี และผู้บริหารพรรค นักการเมืองไม่ใช่แค่ตรวจสอบกันเอง แต่ตอนนี้เป็นอำนาจของประชาชน โดยเรื่องนี้ถูกกำหนดเป็นวินัยข้อบังคับจริยธรรมของพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนสามารถควบคุมนักการเมืองได้” นายสุเทพ กล่าว





ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok





เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. วันที่ 17 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์  ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่า

"ผมกำลังเตรียมตัวเดินทางไปเบลเยียมเพื่อร่วมประชุมผู้นำเอเชียยุโรป เดี๋ยวผมไปถึงแล้วเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังกันครับ ราตรีสวัสดิ์ "






ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เปิดเพจเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการ ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ไอจี “Prayut Chan-o-cha” และทวิตเตอร์ “Prayut Chan-o-cha” พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ส่วนตัว ว่า www.prayutchan-o-cha.com โดยพล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ชี้แจง เหตุผลการเปิดเพจเพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารแนวนโยบาย การทำงาน รวมถึงเล่าสู่กันฟังถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นช่องทางที่เข้าถึงพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

พร้อมทั้งระบุว่า หากประชาชนต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ไปดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถเขียนเข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และทีมงานจะได้ดูแลช่วยเหลือได้โดยตรง


ล่าสุด วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สื่อมวลชนทุกสำนักได้นำเสนอการเปิดช่องทางสื่อสารกับประชาชนผ่านสังคมออนไลน์ ทำให้ภายในไม่กี่ชั่วโมงได้มีประชาชนมากดติดตามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ที่มียอดติดตามถึง 13,000 คนแล้ว พร้อมทั้งยังได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนหน้าเพจเป็นจำนวนมาก มีทั้งเข้ามายินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่โลกออนไลน์ ให้กำลังใจ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานตลอด 4ปีที่ผ่านมา รวมไปถีงฝากปัญหาเรื่องราคาสินค้าและการบริการ 
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


12ต.ค.61-นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเรี่ยไรเงินของพรรคอนาคตใหม่ ขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ ว่า ตอบไม่ถูก เพราะผู้วินิจฉัยคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนที่กกต.ระบุต้องให้ คสช.เป็นผู้พิจารณานั้น คงต้องรอให้เขาส่งเรื่องมา แต่ชั้นต้นกกต.ต้องตอบไปก่อนว่าได้หรือไม่ได้ ตนไม่ทราบ และไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเขาทำอะไรกันไว้บ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.มีข้อห้ามเรื่องเรี่ยไรเงินหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี และประเด็นนี้ กกต.ไม่เคยหารือมายังรัฐบาล ทั้งนี้การดำเนินการของพรรคการเมืองสามารถหาค่าสมาชิกได้ ซึ่งจำเป็นต้องเก็บ เพราะที่ คสช.คลายล็อก ก็เพื่อให้พรรคการเมืองรับสมาชิก โดยการรับสมาชิกต้องมีการเสียค่าสมาชิก ซึ่งระบุไว้ชัดในคำสั่งคสช. ไม่ใช่แค่ไปหาสมาชิก แล้วได้แค่จำนวนตัวเลขสมาชิกมา แต่ไม่ได้เงินค่าสมาชิก ขณะที่ส่วนอื่นที่ไม่ใช่ค่าสมาชิก หรือค่าบำรุง ไม่ว่าจะเรียกค่าอะไร ไม่ได้มีการกล่าวถึงไว้ที่ไหน ก็แล้วแต่กกต.จะพิจารณาว่าเป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียงหรือไม่ หากไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการหาเสียงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียงนั้นทำไม่ได้
เมื่อถามว่า กกต.สามารถวินิจฉัยเองได้หรือต้องปรึกษา คสช. นายวิษณุ กล่าวว่า เบื้องต้น กกต.สามารถตอบเองได้ แต่หากไม่แน่ใจให้รวบรวมมาเสนอ คสช. ส่วนตัวเข้าใจว่า กกต.สามารถตอบคำถามเองได้ แต่ปัญหาคือ ตอบไปแล้วพรรคการเมืองไม่เชื่อ ซึ่งจากการหารือกับ กกต.ที่มีข่าวระบุว่าไม่สามารถตอบคำถามนักการเมืองได้นั้น ไม่จริงเลย เพราะ กกต.ตอบคำถามชัด มีการสรุปมาว่าที่ถาม – ตอบกันนั้นมีกี่ประเด็น โดย กกต.ได้ตอบไป แต่ที่เกิดความรู้สึกไม่ชัดคือพรรคการเมืองไม่เชื่อ มันไม่ใช่ว่าไม่ชัด ส่วนที่กกต.จะหารือกับพรรคการเมืองอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะการหารือครั้งแรกไม่ชัด แต่เนื่องจากมันอยู่ในตารางของกกต.อยู่แล้วว่าจะมีการพบกับพรรคการเมืองอีกครั้ง เพื่อแจ้งว่าวันไหน เมื่อไร พรรคไหน ใครต้องทำอะไร
เมื่อถามย้ำว่า ในคำสั่ง คสช.ไม่ได้ห้ามการบริจาคระดมทุนที่นอกเหนือจากการเก็บสมาชิกใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ส่วนจะได้หรือไม่อยู่ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนจะตีความว่าเป็นดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อหาเสียงได้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาจมีโอกาส ตนจึงบอกว่าอยู่ที่ กกต. และหาก กกต.เป็นฝ่ายสงสัยให้มาถาม คสช. เพราะ คสช.จะตอบข้อสงสัยเฉพาะของกกต. ไม่ลงไปตอบข้อสงสัยของคนอื่น
ถามอีกว่า ขณะนี้มีการกำหนดวันที่หัวหน้า คสช.จะหารือร่วมกับพรรคการเมืองแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ในส่วนของตนไม่ทราบว่าเขากำหนดวันแล้วหรือยัง แต่ยังไม่ได้แจ้งมาที่ตน อยู่ที่ คสช.จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งคงได้มีการหารือเรื่องนี้ใน คสช.อีกครั้ง
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โทรศัพท์ถึง พรรคอนาคตใหม่ เรื่องห้ามการรับบริจาคเงินระดมทุน และห้ามขายของที่ระลึก เนื่องจากมองว่าเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งต่อมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแถลงข่าว ท้าให้ กกต.ออกหนังสือกรณีข้อห้ามดังกล่าวอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจ ร่วมสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ด้วยการสมัครเป็นสมาชิก โดยเฉพาะแบบตลอดชีพ ซึ่งมีค่าบำรุง 2,000 บาท เพื่อจะนำไปใช้ในการณรงค์ทางการเมือง ในช่วงที่ไม่สามารถรับบริจาคและขายของที่ระลึกได้


ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคทางออนไลน์ ภายหลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าวว่า เวลานี้คำสั่ง กกต. ดูสับสนมาก เพราะ กกต. ไม่มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง อันที่จริงพรรคอนาคตใหม่ได้พัฒนาระบบระดมทุนทั้งขายสินค้าพรรค และรับบริจาคผ่านทางออนไลน์ แต่เนื่องจากติดขัดระเบียบ และคำสั่ง กกต. จึงไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ผู้สนับสนุนพรรคและประชาชน สอบถามถึงช่องทางการซื้อสินค้าและบริจาคออนไลน์เป็นจำนวนมาก แต่พรรคยังจะทำกิจกรรมรับสมัครสมาชิกตามปกติทางเว็บไซต์ https://futureforwardparty.org/join และแต่ละสุดสัปดาห์จากนี้จะมีคาราวานรับสมัครสมาชิกและรับฟังปัญหาในพื้นที่ต่างๆ ทุกภาคของประเทศไทยด้วย
นายไกลก้อง กล่าวอีกว่า บรรยากาศการรับสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในหลายพื้นที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ทั้งที่บางแห่งเพิ่งก่อตั้งเป็นที่ทำการสาขาพรรคชั่วคราวเท่านั้น ขณะเดียวกัน การเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. มีผู้สนใจสมัครอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขยอดผู้สมัครตั้งแต่วันที่ 7-10 ต.ค. รวมแล้ว 1,109 คน แบ่งเป็น สมาชิกตลอดชีพ 241 คน และสมาชิกรายปี 868 คน

ข่าวจาก ข่าวสด
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


4 ต.ค.61 -  พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีการอนุมัติพักการลงโทษเป็นกรณีพิเศษให้กับ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุครัฐบาลทักษิณ และนายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ รมว.เกษตร ว่า นายชูชีพและนายวิทยาได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำนานกว่า 2 - 3 เดือนแล้ว โดยมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ แบะผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพักการลงโทษ ที่มี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน จากนั้นได้เสนอเรื่องให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พิจารณาเนื่องจากการพักโทษเป็นกรณีพิเศษเป็นอำนาจของ รมว.ยุติธรรม
"พล.อ.อ.ประจิน ไม่เคยเข้ามาสั่งการให้หยิบยกกรณีของนายชูชีพ และนายวิทยา ขึ้นมาพักการลงโทษ ขั้นตอนทั้งหมดเป็นการพิจารณาและเสนอเรื่องขึ้นมาตามขั้นตอน จากทัณฑสถานโรงพยาบาลมาถึงกรมราชทัณฑ์ โดยบุคคลทั้ง 2 มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขในการพักโทษกรณีพิเศษ คือ ได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา , เป็นนักโทษสูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 70 ปี และเป็นผู้เจ็บป่วยร้านแรงเรื้อรัง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากได้รับการพักโทษปล่อยออกจากเรือนจำเขาจะไม่มีโอกาสกระทำความผิดซ้ำ และไม่เหลือความสามารถที่จะทำร้ายสังคมได้อีก" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดานคร ที่ถูกศาลจำคุกในคดีสนับสนุนการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ ปล่อยตัวออกจากเรือนจำเนื่องจากสูงอายุและเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่ในภายหลังถูกอายัดตัวในคดีอื่น เรือนจำจึงต้องรับตัวกลับมาคุมขัง และส่งเข้าควบคุมตัวในทัณฑสถานโรงพยาบาล
สำหรับนายชูชีพ และนายวิทยา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้จำคุกคนละ 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตประมูลจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ มูลค่า 300 ล้านบาท เหตุเกิดระหว่างปี 2544 - 2545 โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัวจำเลยทั้ง 2 ราย มารับโทษตามคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.59 ต่อมาได้ส่งตัวไปควบคุมในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากเป็นนักโทษที่ป่วยด้วยโรคประจำตัวและสูงอายุ เกินกว่าการรักษาภายในสถานพยาบาลในเรือนจำ จึงต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในกลุ่มเรือนจำลาดยาว
ทั้งนี้ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมของ พล.อ.อ.ประจิน ได้มีการอนุมัติพักการลงโทษเป็นกรณีพิเศษให้กับ นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ , นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และนายวิทยา เทียนทอง จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ถึงดีลการเมือง เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


4 ต.ค.61 - รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า หลังจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศออกมา ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากเดิม ในการคำนวนส.ส.ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม แม้จะมีการนำทุกคะแนนเสียงมาคำนวน แบบไม่ทิ้งน้ำ แต่ขณะเดียวกัน หากพรรคใดได้จำนวนส.ส.เขต ตามเกณฑ์ที่มีการกำหนดไว้แล้ว ทำให้โอกาสที่จะได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เข้ามานั้น ยิ่งน้อยลงไป ทำให้ขณะนี้บรรดาอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.เกรดเอ ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง โดยในกทม. ย่านฝั่งพระนคร ปรากฎชื่อทั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสุธรรม แสงประทุม ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนย่านฝั่งธน นายวัฒนา เมืองสุข ก็ขออาสาลงสมัครแข่งขันท้าชนกับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์
รายงานข่าวรุบว่า ขณะที่แกนนำของพรรคเพื่อไทย เปิดโอกาส มีนโยบายสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ให้ลงแข่งขัน แย่งคะแนนเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ จึงปรากฎชื่อทั้งนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส หนึ่งในคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาลงส.ส.เขตบางกะปิ เช่นกัน 
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่เหนือ อีสาน นอกจากนักการเมืองที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นที่จะได้ลงค่อนข้างแน่นอนแล้ว แต่ก็มีบางคนจะวางมือทางการเมือง สนับสนุนทายาทลงเลือกตั้ง เช่น นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด ผลักดันบุตรสาวลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้แม้แต่นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชายนายนิสิต นายคารม พลพรกลาง ทนายความเสื้อแดง ไม่มีพื้นที่ จึงย้ายไปร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ เช่นเดียวกับในจ.หนองคาย ที่มีการวางตัวคนรุ่นใหม่ลงสมัครแข่งขันทั้ง3เขต ทำให้ว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย อดีตส.ส.ไม่มีพื้นที่ ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย 
รายงานข่าวเผยอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อธรรมที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้า มีการตั้งขึ้นมาทั้งเตรียมพร้อมหากพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ หากยังไม่เข้าช่วงเวลา90วันก่อนเลือกตั้ง จะให้สมาชิกพรรคทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อธรรม แต่หากสถานการณ์การเมืองปกติ จะมีการส่งผู้สมัครส.ส.ที่พลาดหวัง ไม่ได้ลงสมัครจากพรรคเดิม ลงแข่งขัน เป็นทั้งการแก้ปัญหาพื้นที่เต็ม และยังเป็นการดึงคนที่มีแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ให้ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค โฆษกคณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ กรณีถ้ำหลวง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว “13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมี ขอบคุณชุมชนโลก” เดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อนและร่วมกิจกรรมการประชุมสามัญของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ตามคำเชิญของนายโธมัส บาค ประธานกรรมการโอลิมปิกสากล และเดินทางเข้ารับรางวัล Asia Game Changer Awards ตามคำเชิญของสมาคม Asia Society Association และเข้าร่วมกิจกรรมขอบคุณชาวโลกและแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมร่วมกับเยาวชนในท้องถิ่น ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา




 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในการเดินทางไปร่วมงานกิจกรรมในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 4 – 13 ตุลาคม 2561 สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ดังนี้ 

1. การเดินทางเข้าร่วมพิธีเปิด มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อน ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ได้รับการสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด จากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ซึ่งเป็นผู้เชิญเข้าร่วมกิจกรรมและคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการโอลิมปิกสากล ร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับคณะ 13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมี คณะผู้ปกครอง และคณะร่วมเดินทาง ซึ่งการเชิญครั้งนี้เนื่องจากทาง ไอโอซี เห็นว่า 13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมี เป็นนักกีฬาฟุตบอลที่เป็นตัวอย่างของนักกีฬาที่ดี มีความสามัคคี มีระเบียบวินัย มีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ จะเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจและแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนอื่นๆ ทั่วโลกได้ 

2. การเดินทางไปเข้ารับรางวัล Asia Game Changer Awards ตามคำเชิญของสมาคม Asia Society Association ผู้เชิญเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร (ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในปัจจุบัน) เป็นผู้เข้ารับรางวัลในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยมีนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก และเด็กชายอดุลย์ สามอ่อน ร่วมเป็นสักขีพยาน
พลโทวีรชน กล่าวต่อว่า 

3. การเข้าร่วมกิจกรรมขอบคุณชาวโลกและแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมและกีฬาร่วมกับเยาวชนในท้องถิ่น ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เป็นไปตามคำเชิญและได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนไทยในสหรัฐอเมริกาและภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกา การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในด้านต่างๆ อาทิ วัฒนธรรม ความร่วมมือ ความมีน้ำใจ เอื้ออาทร การรู้รักสามัคคี รวมทั้งการบริหารจัดการปัญหาหรือสถานการณ์ภัยพิบัติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ประกอบกับเดือนตุลาคม อยู่ในช่วงปิดภาคการศึกษา จึงไม่กระทบต่อการเรียนการสอน




“นอกจากนี้ การเดินทางของคณะ 13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมี คณะผู้ปกครองและคณะร่วมเดินทางยังได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณและสิ่งของจากภาคเอกชนไทย อาทิ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ สนับสนุนตั๋วเครื่องบินในการเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-เชียงรายให้กับคณะทั้งหมด True Vision สนับสนุนซิมโทรศัพท์ต่างประเทศให้คณะเดินทาง รวมถึง บริษัทไทยประกันชีวิตและบริษัทแกรนด์สปอร์ต สนับสนุนเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่คณะเดินทาง 


ทั้งนี้การเดินทางของคณะ 13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมี คณะผู้ปกครอง ซึ่งเดินทางไปยังสาธารณรัฐอาร์เจนตินาและสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 4-13 ตุลาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น โดยไม่มีการนัดหมายเจรจาผลประโยชน์ของ 13 ชีวิต หมูป่าอคาเดมีกับเอกชนรายใดทั้งสิ้น “พลโทวีรชนกล่าวและว่า 


อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ กรณีถ้ำหลวง จ.เชียงราย ได้มอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และทีมสหวิชาชีพจากจังหวัดเชียงรายร่วมเดินทางกับคณะ เพื่อประสานงาน ดูแลอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ข่าวจาก มติชน
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


3 ต.ค.61 - นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พรรคการเมือง.... นักการเมือง เริ่มเปิดตัวเปิดหน้ากันบ้างแล้วนะ... ทำให้รู้กันว่าใครเป็นใคร
มีบางคนบางพรรคยังเล่นการเมืองแบบเก่าๆ... น้ำเน่าแบบเดิมๆ...รู้มั้ยว่าตกยุคตกสมัย ไอ้ประเภทตั้งหน้าตั้งตาด่าเผด็จการ ด่าผู้มีอำนาจ ด่าฝ่ายตรงข้าม...อย่านึกนะว่าจะได้คะแนน เพราะเดี๋ยวนี้คนเขาทันการเมืองกันหมดแล้ว จะหากินแบบเก่าคงไม่ได้ และก็อย่าลืมนะ ประชาธิปไตยที่ผ่านมาใช่ว่าจะเลอเลิศประเสริฐศรีไปเสียทั้งหมด และเผด็จการที่เป็นอยู่ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทีเดียว
การเมืองที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งหน้านี้เป็นการเมืองที่แตกต่างจากการเมืองในอดีตทั้งหมด เป็นการกำหนดโดยประชามติของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตเป็นการประนอมอำนาจกันของฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายการเมือง ช่วยกันประคับประคองสร้างความปรองดองและปฏิรูปประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน..... ใครที่ยังคิดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เลือกสีเลือกข้าง เอาแพ้เอาชนะกันเพื่อพรรคเพื่อตัวเอง สนองอารมณ์ชำระความแค้น เตรียมกลับบ้านเก่าได้แล้ว
ส.ว. 250 คนที่มาจากการคัดเลือกสรรหาของคสช.ก็คงไม่ใช่ฐานกำลังหรือมือไม้ของคสช.ตามที่กล่าวหากันเท่านั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดเขาต้องการให้ส.ว.250 คนนี้เป็นกำลังเสริมสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการประคับประคองและการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะผบ.เหล่าทัพทั้งหมดก็อยู่ในส่วนนี้ ยิ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างมากๆในการร่วมกันทำภารกิจดังกล่าว ได้รู้ได้เห็นปัญหาทางการเมืองด้วยตัวเอง อันจะเป็นการป้องกันการปฏิวัติไปในตัว
ผมเชื่อมั่นว่าการเมืองที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งหน้านี้จะทำให้เรามีรัฐบาลที่เป็นปึกแผ่นแน่นหนามั่นคง มีการถ่วงดุลประนอมอำนาจกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายความมั่นคงอย่างลงตัว มีเสถียรภาพ ความวุ่นวายทั้งในสภาและนอกสภาจะหมดไป การชุมนุมประท้วงในลักษณะที่จะก่อวิกฤตให้กับประเทศก็จะไม่เกิดขึ้น ทั้งฝ่ายที่เป็นรัฐบาลและฝ่ายที่ไม่เป็นรัฐบาลจะทำงานในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากขึ้น เชื่อว่าเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น...และจะเป็นในสิ่งที่เราไม่เคยเป็น...ก็ผมบอกแล้วไงว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน...โลกเปลี่ยน...ประเทศไทยก็เปลี่ยน... หากคุณไม่เปลี่ยนจะมีคนทำให้คุณเปลี่ยน"





ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


2 ต.ค.61- พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอครม. เรื่องการจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 13 ต.ค. 61 โดยเห็นสมควรที่รัฐบาลจะดำเนินการเชิญชวนทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร่วมแสดงความจงรักภักดี และร่วมน้อมรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการจัดกิจกรรมบำเพ็ญพระราชกุศล 
โดยยึดถือแนวทางการปฏิบัติเดิมตามที่ได้ดำเนินการมาแล้วในปี 2560 ได้แก่ การทำบุญตักบาตร และพิธีทางศาสนาของศาสนาต่างๆ หรือกิจกรรมอื่นๆ ตามที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสมและสมควร ในห้วงก่อนหรือหลังวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 
ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลจะจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต โดยในวันที่ 12 ต.ค. ช่วงเช้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นประธาน และมีครม.ร่วมในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


3 ต.ค. 61 - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยการจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ต.ค. 2561 จึงขอเชิญชวนประชาชนสวมเสื้อสีเหลือง อย่างพร้อมเพรียงกัน ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ด้วย

"นายกฯ เน้นย้ำให้คนไทยทุกคนรู้ รัก สามัคคี มุ่งมั่นทำความดี และน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริต่าง ๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประพฤติปฏิบัติ เพื่อสร้างความสุขอย่างยั่งยืนในชีวิต และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติบ้านเมือง"พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


"สุเทพ" ลงพื้นที่ตลาดปัฐวิกรณ์ รับสมัครสสมาชิกพรรค รปช.ท่ามกลางแฟนคลับรอต้อนรับพร้อมนกหวีด ลั่นอย่าลืมการต่อสู้ของ กปปส. ประกาศได้เป็นรัฐบาลแน่ ยังไม่ชัดร่วม "พลังประชารัฐ" ตั้งรัฐบาล


เมื่อวันที่ 1 ต.ค.61 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงพื้นที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เพื่อชักชวนประชาชนมาแสดงเจตจำนงเป็นสมาชิกพรรค เตรียมพร้อมก่อน กกต.รับรองความเป็นพรรคการเมือง โดยมีประชาชนมารอแสดงเจตจำนงจำนวนมาก และรอให้การตอนรับนายสุเทพ ซึ่งทันทีที่นายสุเทพเดินทางมาถึงเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น พร้อมแฟนคลับ กปปส.ก็ได้นำรูปที่ถ่ายกับนายสุเทพและตุ๊กตารูปนายสุเทพมาเพื่อขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่ บางคนก็ให้เซ็นชื่อกับเสื้อที่ใส่มา ทั้งนี้ระหว่างถ่ายภาพร่วมกับประชาชน เจ้าหน้าที่ได้แนะนำระหว่างที่ นายสุเทพ เดินทางมา แต่กลับพูดชื่อพรรคที่สังกัดผิดจากรวมพลังประชาชาติไทย เป็นรวมพลังประชาธิปไตย ทำให้นายสุเทพถึงกับหันไปมองทันที
จากนั้น นายสุเทพ ได้กล่าวกับประชาชนว่า ขออย่าลืมสิ่งที่เคยต่อสู้ด้วยกันมาในเวที กปปส.เพื่อทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการปฏิรูป โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง ที่ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก ให้ได้ผลดีที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้นายสุเทพยังให้ความมั่นใจว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะพรรคมีประชาชนนับล้านคน ดังนั้นใครก็อยากคบหาและอยากให้เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ขอประกาศไว้เลย แต่ส่วนตัวจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขอเป็นเพียงลุงกำนันแก่ๆ ที่ช่วยงานพรรคเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสุเทพ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การหาเสียง เพราะไม่มีเนื้อหาที่เชิญชวนให้มาเลือก เพียงแต่ชี้แจงให้เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องมีพรรคการเมืองของประชาชน ส่วนการถูกกล่าวหาเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากมีการฟ้องร้องก็จะขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนนำเสียงที่บันทึกไปต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่ามั่นใจจะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ใครที่เป็นรัฐบาลก็อยากเชิญไปร่วมรัฐบาลด้วย และจะเป็นโอกาสที่จะได้เจรจานำเงื่อนไขเรื่องการปฏิรูปของพรรคไปปฏิบัติ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ไม่ขอมองพรรคการเมืองใดเป็นคู่แข่ง แล้วตัวเองก็จะไม่ประกาศเป็นคู่แข่งใคร ขอมองเพียงตัวเอง และไม่มองว่าจะเป็นการตัดคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่มี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไปร่วมพรรคพลังประชารัฐนั้น ส่วนตัวมองว่าอะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็ไม่รังเกียจ ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องตัดสิน ไม่ใช่ให้นักการเมืองมาตัดสินกันเอง อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบความเป็นไปได้ ที่จะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐด้วย
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงจุดยืนที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยว่า หลังจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับพรรคว่า จะเห็นเป็นอย่างไร แต่ที่เคยบอกว่าสนับสนุนเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น
ทั้งนี้เขตบึงกุ่มเป็นพื้นที่นำร่องหาสมาชิกของพรรครวมพลังประชาชาติไทย หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้จดจัดตั้งพรรคกับ กกต.ตั้งแต่เดือน ส.ค.ซึ่งการนำคาดว่า กกต.จะรับรองความเป็นพรรคประมาณช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นก็จะเดินหน้ารับสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการ โดยให้ผู้ที่แสดงเจตจำนงไว้ได้มายืนยันและจ่ายค่าบำรุงพรรค ตามที่กฎหมายกำหนด

ข่าวจาก ไทยรัฐ
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


29 ก.ย.61 - ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนได้คุยกันแล้วว่าจะเป็นไปในจังหวะเวลาเดียวกัน เงื่อนไขเดียวกัน เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมจะลาออกพร้อมกัน และยืนยันที่บอกว่าไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น จะทำตั้งแต่ต้น ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางที่ผิด ไม่ใช่อำนาจไปข่มคนอื่น และพร้อมให้ทุกคนตรวจสอบ 
นายอุตตม กล่าวว่าส่วนพรรคจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯถือว่ายังเร็วไปที่จะพูด เพราะเราเพิ่งประชุมจัดตั้งพรรค การสนับสนุนใครเป็นนายกฯต้องมีขั้นตอน มีกรรมการและสมาชิกพรรคที่จะร่วมสรรหา ส่วนนโยบายของพรรคนั้น วันนี้เรากำลังร่างนโยบายอยู่อีกระยะหนึ่งคงได้เห็นรายละเอียด และสื่อจะเป็นคนบอกได้เองว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐตรงหรือขัดแย้งกับรัฐบาลหรือไม่อย่างไร 
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 4 คนออกมาร่วมพรรคการเมือง ได้มีการปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า รัฐมนตรีทั้ง 4 คนคุยกันเองเพราะจะมาร่วมลงเรือด้วยกัน ท่านสมคิดเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเรารู้จักดีแต่การตัดสินใจมาขอให้ชัดเจนว่าเป็นการตัดสินใจของเราท่านไม่ได้มีส่วนบอกให้มาหรือไม่มา เอาเป็นว่าหากจะบอกว่าท่านสมคิดเป็นอะไร เอาอาจจะบอกว่าเป็นที่ปรึกษาทางใจเท่านั้นเอง” 
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอุตม กล่าวว่า วันนี้พรรคกำลังเริ่มต้นยังมีกระบวนการอีกยาว ก่อนจะไปถึงจุดที่จะพูดคุยกับใคร เราจึงยังไม่ได้มีการจัดสินใจว่าจะคุยกับใครอย่างไร เราจะเดินตามจังหวะจะโคนตามที่สมาชิกและผู้บริหารพรรคเห็นชอบร่วมกัน จะคุยกับใครต่อไปอย่างไรเป็นเรื่องอนาคต 
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้คำแนะนำหรือคำเตือนอะไรกับ 4 รัฐมนตรีหรือไม่ นายอุตตม บอกว่า ท่านไม่ได้ให้คำแนะนำหรือคำเตือนอะไรเป็นพิเศษ ในเรื่องนี้ที่เราตัดสินใจท่านเข้าใจ ท่านก็บอกว่าโชคดี
ถามว่าที่พรรคพลังประชารัฐ ระบุพร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง จะสามารถทำงานกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า การจะทำงานอะไรกับใครเป็นเรื่องของทุกคนในพรรคที่จะมาพูดคุยกันว่าวันข้างหน้าถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้หรืออะไรเป็นอย่างไร แต่วันนี้พรรคเราเกิดได้ด้วยความปรองดอง เราก็ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอะไรในเวลานี้ ซึ่งต้องดูต่อไปในอนาคต และยังเร็วเกินไป 
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นการเสนอรายชื่อนายกฯว่า โดยหลักการประชาธิปไตย ถ้าจะให้นายอุตตม ตอบคงเป็นเรื่องที่ลำบากใจ แต่ ณ วันนี้ เราเสนอชื่อนายอุตตม เป็นนายกฯ เพราะนายอุตตม ดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ส่วนอีกสองรายชื่อที่เหลือเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคต้องพิจารณาต่อไป 
ส่วนชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. พรรคจะเสนอหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องของอนาคต ยังไม่ทราบว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจอย่างไร และเลือกพรรคไหน และที่ท่านพูดว่าสนใจการเมืองจะเป็นไปในบทบาทใดคงต้องรอและสอบถามจากตัวท่านเอง 
ซักถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนถึงบทบาททางการเมือง พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อเป็นนายกฯในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรคในอนาคต พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนจะเลือกคนที่ดีที่สุดที่จะรับใช้ประชาชนเป็นผู้นำประเทศ 

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


29 ก.ย.61 - ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมใหญ่เพื่อจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จากห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูมที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีรัฐมนตรีที่จะมาดำรงตำแหน่งต่างๆ พร้อมเปิดตัวในวันนี้เดินทางมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม จะมาเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ จะมาเป็นเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองหัวหน้าพรรค ขณะที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกพรรค
กระทั่งเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติเลือก นายอุตตม เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ , นายสนธิรัตน์ เป็นเลขาธิการพรรค  สำหรับตำแหน่งต่างๆในเบื้องต้น มีดังนี้1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค 4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค 
คณะกรรมการบริหารอื่นๆของพรรค ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ 1.ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ 2.นายณัฐพล ทีปสุวรรณ 3.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 5.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 6.นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ 7.น.ส.ธนิกานต์ พรคงสาโรจน์ 8.นายสรวุธ เนื่องจำนงค์ 9.นายอนุชา นาคาศัย 
10.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 11.นายกวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 12.นายนพพงษ์ ธีระวร 13.นางนฤมล สอาดโฉม 14.นางอิทธิพล คุณปลื้ม 15.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ 16.นายวิเชฐ ตันติวานิช 17.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 18.นายชวน ชูจันทร์ 19.นายกรันต์ สุทธารมณ์ 20.นายสันติ กีระนันท์

ข่าวจาก ไทยโพสต์