Articles by "politic"
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ politic แสดงบทความทั้งหมด
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ก็มีเสียงสะท้อนจากชาวบ้านกลับมาว่า รู้สึกไม่สบายใจหลังเห็นข่าว น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ทวิตเตอร์ Pannika Wanich @Pannika_FWP ให้ยกเลิก ม.112 เพราะเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ตนก็สงสัยว่า ม.112 ไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพประชาชนอย่างไร ตนไม่ทราบว่า น.ส.พรรณิการ์ เคยอ่านกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก ม.112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี” และ น.ส.พรรณิการ์ มีความเดือดร้อนอะไรถ้าไม่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม


นายสามารถ กล่าวอีกว่า หากแม้เป็นประชาชนยังมีกฎหมายคุ้มครองห้ามผู้ใดมาหมิ่นประมาทผู้อื่นก็มีบทลงโทษ แต่สถาบันซึ่งเป็นสิ่งเทิดทูนของคนไทยทั้งประเทศให้การเคารพ รวมถึงตนเองด้วย และตนมั่นใจว่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยคงไม่ยอมให้ใครมาพูดจาว่าร้ายสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง เพราะขนาดเป็นแค่ญาติพี่น้องครอบครัวเราใครมาพูดว่าให้ร้ายก็ยังไม่ยอมเลย ดังนั้น ตนมั่นใจว่า คนไทยต้องปกป้องและไม่ทำให้สถาบันต้องมัวหมองเด็ดขาด ถ้า น.ส.พรรณิการ์ จะแก้กฎหมาย ม.112 ก็ขอให้แก้ไปแบบเดิมน่าจะดี ตนจึงอยากให้ย้อนดูประวัติศาสตร์ว่ากฎหมายนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่จะหยิบยกตัวอย่างใกล้ตัว คือ กฎหมายตรา 3 ดวง ในสมัย ร.1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดจากการชำระกฎหมายต่างๆ ในสมัยอยุธยา ซึ่งกฎหมายตรา 3 ดวง บัญญัติความผิดที่กระทำต่อพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมาก ตนขอยกมาเฉพาะ ในพระอาญาหลวง มาตรา 7 เป็นความผิดฐานเจรจาอันหยาบช้าต่อพระเจ้าอยู่หัวและประมาทหมิ่นพระราชบัญญัติ และพระบัณฑูร ความว่า


“ผู้ใดทะนงองอาจ์บ่ยำบ่กลัว เจรจาหยาบช้าต่อพระเจ้าอยู่หัวประมาทหมิ่นพระราชบัญญัติ แลพระบันทูลพระโองการ ท่านว่าผู้นั้นเลมิดพระราชอาญาพระเจ้าอยู่หัว ท่านให้ลงโทษ 8 สถานๆ หนึ่ง คือ ให้ฟันฅอริบเรือน ให้ตัดปากตัดหูตัดมือตัดตีนเสีย ให้ทวนด้วยลวดหนัง 25 ที 50 ที ให้จำไว้เดือนหนึ่ง แล้วเอาตัวลงหญ้าช้าง ให้ไหมจัตุระคูน แล้วเอาตัวลงเปนไพร่ ให้ไหมทวีคูน ให้ไหมลาหนึ่ง ให้ภาคทัณท์ไว้”


มาตรา 72 ความผิดฐานติเตียนนินทาว่ากล่าวพระเจ้าอยู่หัว ความว่า “ถ้าผู้ใดติเตียนนินทาว่ากล่าวพระเจ้าอยู่หัวต่างต่าง พิจารณาเปนสัจ ให้ลงโทษ 3 สถานๆ หนึ่งคือ ให้ฟันฅอริบเรือน ให้ริบเอาสิ่งสีนแล้วเอาตัวลงหญ้าช้าง ให้ทวนด้วยลวดหนังโดยสกัน 50 ที มิสกัน 25 ที” และมาตรา 58 ความผิดฐานด่าผู้มีบรรดาศักดิ์ ความว่า “..ด่าท่านผู้มิบันดาศักดิ ท่านให้ลงโทษ 4 สถาน สถานหนึ่งคือ ให้แหวะปากลงโทษถึงสิ้นชีวิตร ให้ตัดปากเสีย ให้ทวนด้วยลวดหนัง 50 ที ไม้หวาย 25 ที ให้ไหมโดยยศถาศักดิ”


ต่อมา มีกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ด้วยกระแสรัฐสมัยใหม่จากตะวันตก อย่างเช่น ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีการให้ปฏิรูปกฎหมายและศาลนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ซึ่งมีการเพิ่มโทษฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ให้สูงขึ้นด้วย กฎหมายนี้กำหนดความผิดฐานประทุษร้ายต่อพระบรมราชตระกูลไว้ในส่วนที่ 1 มาตรา 98 ความว่า “ผู้ใดทนงองอาจ แสดงความอาฆาฎมาดร้ายหรือหมิ่นประมาทต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระมเหษีก็ดี มกุฎราชกุมารก็ดี ต่อผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในเวลารักษาราชการต่างพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี ท่านว่าโทษของมันถึงจำคุกไม่เกินกว่าเจ็ดปี แลให้ปรับไม่เกินกว่า ห้าพันบาท อีกโสดหนึ่ง” และมาตรา 100 ความว่า “ผู้ใดทนงองอาจ แสดงความอาฆาฎมาดร้ายหรือหมิ่นประมาทต่อพระราชโอรส พระราชธิดา ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่ารัชกาลหนึ่งรัชกาลใด ท่านว่าโทษของมันถึงจำคุกไม่เกินสามปี แลให้ปรับไม่เกินกว่าสองพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”


นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดความผิดจากการทำให้เกิดการดูหมิ่นและขาดความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ในหมวด 2 ว่าด้วยความผิดฐานกบฎภายในพระราชอาณาจักรมาตรา 104 ไว้ด้วย ความว่า “ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย ด้วยประการใดใด โดยเจตนาต่อผลอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ว่าต่อไปในมาตรานี้ คือ (1) เพื่อจะให้ขาดความจงรักภักดีหรือดูหมิ่น ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี ต่อรัฐบาลก็ดี หรือต่อราชการแผ่นดินก็ดี…ท่านให้เอามันผู้กระทำการอย่างใดใดโดยเจตนาเช่นว่ามานี้ ลงอาญาจำคุกไม่เกินกว่าสามปี แลให้ปรับไม่เกินกว่าพันบาทด้วยอีกโสตหนึ่ง”


นอกจากนี้ ขอหยิบยกเหตุการณ์ช่วงที่เริ่มมีคอมมิวนิสต์เข้ามาในประเทศไทย ก็มีการพยายามแก้กฎหมายการหมิ่นสถาบันอยู่หลายครั้ง เพื่อทำให้สถาบันอ่อนแอลงยิ่งช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองหลัง พ.ศ. 2475 มีการแก้กฎหมาย มาตรา 112 อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งแนวความคิดการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ยิ่งทวีความรุนแรงก็จะมีการขอให้แก้ไข มาตรา 112 ตลอดเวลา ไม่ว่าเป็นช่วง พ.ศ. 2499 หรือ พ.ศ. 2519 สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันหรือไม่ การที่หยิบยกอดีตประวัติศาสตร์เพราะสมัยโบราณพระมหากษัตริย์ไทยเป็นจอมทัพ ทรงเสียสละปกป้องแผ่นดินเพื่อประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ตนขอหยิบยกคำสอนของหลวงพ่อคูณมาเป็นคำเตือนใจว่า “อย่าเณรคุณแผ่นดิน” เพราะว่าแผ่นดินนี้ให้เราเกิด แผ่นดินนี้ให้อาชีพ แผ่นดินนี้ให้ครอบครัว เราอย่าเณรคุณแผ่นดินนี้


นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอเตือนสติ น.ส.พรรณิการ์ ว่า อยากให้มีความรักต่อแผ่นดินถิ่นเกิดและสถาบันให้ได้สัก 1 ใน 100 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประเทศไทยจะได้ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ สิ่งที่ น.ส.พรรณิการ์ เรียกร้องตนไม่เข้าใจถึงแนวคิด หรืออาจจะได้ข้อมูลอะไรผิดๆ ถึงได้พูดแบบนั้น หรือไม่แน่ว่าทฤษฎีสมคบคิดแบบที่ชาวบ้านว่าน่าจะเป็นจริง ตนเป็นห่วงคณะก้าวหน้าเพราะเห็นหลักการของผู้นำคณะก้าวหน้าแล้วน่าเป็นห่วง เพราะนอกจากไม่ศึกษาประวัติศาตร์แล้วยังเข้าใจแบบผิดๆ แล้วชอบยึดหลักแต่กฎกู ชอบเอาข้อมูลเท็จมาบอกประชาชน ตรงนี้น่าเป็นห่วง ตนขอเสนอ น.ส.พรรณิการ์ ตามที่ชาวบ้านบอกมาว่า ถ้าจะแก้กฎหมาย มาตรา112 ก็ให้เอากฎหมายสมัย 3 สามดวงมาใช้คือให้นำบทลงโทษ ฟันคอริบเรือนมาใช้ น่าจะดีอย่างแน่นอน

ข่าวจาก นิวส์วัน
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok





นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โดยมีเนื้อหาดังนี้


เรียกอะไรดี??


ท่านนายกพูดว่า"ทรงพระเมตตาไม่ให้ใช้มาตรา112"


แต่ช่อกับไปโพสต์ " เป็นที่รู้กันมานานว่ากม.นี้มีปัญหา ถูกใช้ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน"


แค่นี้ช่อก็มาบิดเบือนอีกแล้วว่า ม.112 ถูกใช้เพื่อละเมิดเสรีภาพของประชาชน


ความจริงแล้ว ช่อน่าจะรู้กฏหมายนะ เมืองไทยนั้นมีสิทธิและเสรีภาพเต็มที่ น่าจะอันดับต้นๆของโลก เห็นต่างได้เต็มร้อย แต่ไม่ให้ จาบจ้วง หมิ่นประมาท


ผมไม่เห็นมีประชาชนคนไหนเดือดร้อนกับการแสดงความเห็นเลย เพราะทุกคนต้องระมัดระวัง การไปกระทบผู้อื่น มีพวกท่านเท่านั้นแหละ ที่ชอบไปก้าวล่วงและพูดว่า ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยมีต่างชาติช่วยไปขยายผล


เรื่องแบบนี้ใครเขาก็รู้ว่า พวกท่านคิดอะไรอยู่ ที่สำคัญ การเป็นนักการเมืองต้องไม่โกหก บิดเบือนนะ ผู้ชายโกหกบิดเบือนเขาเรียก"กะล่อน" แต่ถ้าเป็นหญิง ไม่รู้ว่าควรจะเรียกอะไรดี ??? #save112





เรียกอะไรดี?? ท่านนายกพูดว่า"ทรงพระเมตตาไม่ให้ใช้มาตรา112" แต่ช่อกับไปโพสต์ " เป็นที่รู้กันมานานว่ากม.นี้มีปัญหา...

โพสต์โดย Warong Dechgitvigrom เมื่อ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2020
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


ส.ส.พรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์ 3 คนประกาศขอรับเงินบริจาค เพื่อใช้ต่อสู้คดีที่พวกเขาโดนเทศบาลเมือง 2 แห่งฟ้องร้องข้อหาจ่ายเงินไม่เหมาะสมให้กับบริษัทหลายแห่ง ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายกว่า 30 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 715 ล้านบาท ที่อาจทำให้เขาพวกเขาล้มละลายและสิ้นสภาพ ส.ส.


ส.ส.ทั้ง 3 คนมาจากพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของสิงคโปร์ แต่มี ส.ส.เพียง 6 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 88 ที่นั่ง  ได้แก่ หัวหน้าพรรค พริทาม ซิงห์, อดีตหัวหน้าพรรค โลว์ เตีย เกียง และประธานพรรค ซิลเวีย ลิม
ทั้ง 3 คนออกแถลงการณ์ร่วมกันทางเว็บไซต์ของพรรคเมื่อวันพุธ ระบุว่า พวกเขาจะต่อสู้ในคดีนี้อย่างถึงที่สุด แต่ถ้าแพ้คดีและต้องจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้น พวกเขาจะต้องล้มละลาย
ตามกฎหมายสิงคโปร์บุคคลที่ล้มละลายจะขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส. ทำให้พรรคฝ่ายค้านต้องเสียที่นั่งในสภาไป 3 ที่นั่ง โดยปัจจุบัน ส.ส. 82 ที่นั่งเป็นของพรรคกิจประชาชนที่ก่อตั้งโดยลี กวน ยู ผู้ก่อตั้งประเทศ
พวกเขาบอกว่า ใช้เงินเก็บและเงินที่เพื่อนๆ ให้มาเป็นค่าทนายความและค่าธรรมเนียมในการสู้คดีไปแล้ว 600,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถึงช่วงค่ำวันพุธ พวกเขาได้เงินบริจาคแล้วกว่า 65,000 ดอลลาร์สิงคโปร์.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


 พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะมอบหมายให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงในนามของสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่อง ครม.อะไรต่างๆ เหล่านี้ เพราะหลายคนอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ตนก็ให้สัมภาษณ์แบบเดิม เพียงแต่ทำหน้าที่ชี้แจงแทน ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักฯ ก็ไปทำหน้าที่รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็แบ่งงานกันไป ยังช่วยกันไปเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าทำงานด้วยกัน รัฐบาลเดียวกัน ใครอยู่ตรงไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่วิธีการนำเสนออาจจะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ลุคส์ใหม่หน่อย ไม่เบื่อหน้านายกฯ เบื่อหรือยัง จะได้หาคนมาชี้แจงแทนนายกฯ


    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ท.สรรเสริญยังจะรั้งตำแหน่งรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็จะแยกหน้าที่กันไปเลย แบ่งหน้าที่กันใหม่เป็นการภายในได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปออกคำสั่งอะไรใหม่หรอก คุยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไร ทาง พล.ท.สรรเสริญก็สามารถจะชี้แจงได้เหมือนกัน ถ้าสงสัยตรงนี้ไปถามตรงโน้นก็ได้ ทำไมเดี๋ยวนักข่าวก็ไปบอกว่าถูกขึ้นหิ้ง
ปรับแผนการสื่อสาร



    เมื่อถามว่า เป็นการปรับกลยุทธ์การให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า นายพุทธิพงษ์พูดภาษาง่ายๆ บางทีทหารพูดเป็นทางการ แต่พล.ท.สรรเสริญไม่ได้บกพร่องอะไร เพียงแต่เปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง เมื่อถามอีกว่าเป็นเพราะใกล้เลือกตั้งหรือไม่ ถึงได้ให้คนที่เชี่ยวชาญการเมืองอย่างนายพุทธิพงษ์เข้ามาทำหน้าที่โฆษก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ไม่เกี่ยวๆ การเมืองก็คือการเมือง"



    ด้านนายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ตนทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ในส่วนที่จะต้องชี้แจงกับประชาชนก็ทำได้ในระดับหนึ่ง วันนี้นายกฯ มีแนวทางที่ให้ พล.ท.สรรเสริญไปปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างเต็มตัว ทั้งนี้ตนจะทำหน้าที่ 2 ตำแหน่ง ทั้งรองเลขาธิการนายกฯ และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งตนเพิ่งทราบว่าจะต้องมาทำหน้าที่โฆษกฯ ตอนที่นายกฯ แถลงกับสื่อมวลชนเมื่อสักครู่ นายกฯ ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า



    "ก็ต้องมีการปรับแผนในการสื่อสารกับสื่อมวลชนในหลายมิติ ที่ทำไปก่อนหน้านี้คือเรื่องโซเชียลมีเดีย จากนี้ไปก็จะทำเพิ่มอีกหลายระดับ ซึ่งจะมีทีมเข้ามาช่วยในการสื่อสาร ทั้งเรื่องสังคม ปัญหาของประชาชน ซึ่งจะใช้การสื่อสารตรงนี้อำนวยความสะดวกกับสื่อมวลชนในทุกด้าน เพื่อสื่อสารถึงประชาชนให้ดีขึ้น"


     ถามว่า เป็นการปรับโฉมใหม่ของรัฐบาลก่อนที่จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะกระบวนการเลือกตั้งก็มีโรดแมปอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์และข้อมูลข่าวสาร ถ้าทำแล้วสามารถอำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอประชาชนให้ง่ายขึ้น ก็เป็นยุทธศาสตร์ในเรื่องการสื่อสารมากกว่า


    ส่วน พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า หลังจากที่นายกฯ มีคำสั่งดังกล่าว ตนจะทำหน้าที่เพียงตำแหน่งเดียวคืออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ต้องรอระเบียบขั้นตอนของการโอนย้ายจากข้าราชการทหารมาเป็นข้าราชการพลเรือนให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตน ซึ่งหมายถึงเลขาธิการนายกฯ และนายกฯ ตกลงใจเลือกสิ่งใดให้แล้ว ย่อมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้บังคับบัญชาให้ความไว้วางใจ ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง อยู่ตรงไหนก็ยังทำงานได้ ทั้งนี้ เมื่อเป็นข้าราชการ อยู่ในตำแหน่งเดียว แล้วจะมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ ไม่ได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวเป็นของข้าราชการการเมือง
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



วันนี้ (21 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไลฟ์สดทางเฟสบุ๊กเรื่อง ประชาชน สามารถควบคุม ส.ส. ได้จริงหรือ..? โดยเล่าว่า


“แกนนำพรรคพยายามสร้างพรรคการเมืองของประชาชนขึ้นมาในประเทศนี้ให้ได้ โดยได้เสนอแนวคิดการควบคุมนักการเมือง หลังมีคำถามว่าจะทำให้ประชาชนควบคุม ส.ส.ได้จริงๆ หรือ โดยพรรครปช. ผู้ที่จะเป็นส.ส.ต้องมาจาก ประชาชนเลือกให้มารับสมัคร จึงตอบได้ว่าประชาชนสามารถควบคุม สส.ได้จริง และประชาชนยังเป็นผู้กำหนดตัวผู้บริหาร หากประพฤติตัวไม่ดี ทำงานไม่ได้ดั่งใจประชาชน ครบ4 ปี ก็เลือกใหม่”



“นอกจากนี้ ประชาชน เป็นผู้กำหนดเลือกตัวผู้ที่จะไปเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องรอครบ 4 ปี หากเกิดปัญหา สามารถเอาออกได้ทันที ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้ประเทศ โดยจะมีอำนาจเลือกคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรค ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม มีหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของคนที่เป็นรัฐมนตรรี และผู้บริหารพรรค นักการเมืองไม่ใช่แค่ตรวจสอบกันเอง แต่ตอนนี้เป็นอำนาจของประชาชน โดยเรื่องนี้ถูกกำหนดเป็นวินัยข้อบังคับจริยธรรมของพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนสามารถควบคุมนักการเมืองได้” นายสุเทพ กล่าว





ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


20 ต.ค.61 - ที่บ้านเลขที่ 444 ม.4 ซอยสุนทรสัจจบูลย์  ถนนอุดรธานี-กุดจับ ต.บ้านเลื่อม    อ.เมือง  จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย โดยนายศราวุธ เพชรพนมพร อดีตส.ส.อุดรธานี  ซึ่งได้รับมอบหมายพรรค  จัดให้มีการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคเพื่อไทย สาขาลำดับที่ 1 จังหวัดอุดรธานี (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โดยมีอดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.อุดรธานี อาทิ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายขจิต ชัยนิคม นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม นายอนันต์ ศรีพันธ์ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ รวมทั้งนางอาภรณ์ สาราคำ อดีตส.ว.อุดรธานี ภรรยา นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ร่วมประชุม 
นอกจากนี้มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค และนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมพบปะอดีตส.ส.และสมาชิกพรรคทั้งเก่าและเดินทางมาสมัครใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุดรธานี ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งก่อนวาระการประชุมได้แจ้งให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก รวมทั้งสื่อมวลชนออกจากบริเวณที่ประชุม และห้ามบันทึกภาพ
นายศราวุธ เพชรพนมพร อดีตส.ส.อุดรธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองได้รับมอบหมายจากพรรค เป็นประธานประชุมและดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง ตามมาตรา 141/1 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2561 ได้กำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบตามภาคต่างๆภายใน 1 ปี นับแต่วันที่กฎหมายประกาศใช้ และในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 มีมติให้จัดตั้งสาขาพรรคเพื่อไทย ขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี  สมุทรปราการและนครศรีธรรมราช
เมื่อสมาชิกเข้าครบองค์ประชุม ก็มีการพิจารณาชื่อสาขาพรรคว่า สาขาพรรคเพื่อไทย สาขาลำดับที่ 1 จังหวัดอุดรธานี (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สถานที่ตั้งสาขา อยู่สำนักงานเลขที่ 444 ม.4  ซอยสุนทรสัจจบูลย์ ถนนอุดรธานี-กุดจับ ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี และได้ดำเนินการเลือกกรรมการบริหารสาขาพรรค ประกอบด้วย  นายสนิท วงศ์แสงตา อดีตผอ.โรงเรียนสตรีราชินูทิศ หัวหน้าสาขาพรรค นายชูชาติ ศิริโยธา รองหัวหน้าสาขาพรรค พ.ต.อ.เดช กองทอง เลขานุการ นายสง่า ภักดี รองเลขานุการ นายภคพล โคตรชุม เหรัญญิก นายชัชวาล ลือคำหาญ นายทะเบียน นางสว่างศรี บุญประสิทธิ์ โฆษกสาขาพรรค และนายสุรศักดิ์ พิทักษ์บ่อแก้ว กรรมการบริหารสาขาพรรค

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นจัดตั้งสาขาพรรคภาคอีสาน เป็นสาขาอันดับที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นสาขาแรกหลังจากที่สาขาเดิม คสช.มีคำสั่งยกเลิก ต่อไปก็จะเปิดภาคเหนือที่เชียงใหม่ ภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและภาคกลางที่จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อที่จะสามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ในทุกภาค ซึ่งที่จังหวัดอุดรธานี อดีตส.ส.ยังคงเหนียวแน่น คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชนเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา ก็คงจะเป็นเมืองหลวงของพรรคต่อไป อดีตส.ส.ใครจะออกจะเข้าก็ไม่ได้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานแต่ประการใด พรรคเพื่อไทยพร้อม และในครั้งนี้ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกทั้งชาวอุดรธานีและใกล้เคียง ให้ความสนใจจำนวนมากมาสมัครเป็นสมาชิก เป็นนิมิตหมายที่ดี รวมทั้งเมื่อจัดตั้งสาขาพรรคแล้วก็จะเดินหน้ารับสมาชิกใหม่เพิ่ม และจะกระจายไปทั่วทุกเขต
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เปิดเพจเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการ ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ไอจี “Prayut Chan-o-cha” และทวิตเตอร์ “Prayut Chan-o-cha” พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ส่วนตัว ว่า www.prayutchan-o-cha.com โดยพล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ชี้แจง เหตุผลการเปิดเพจเพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารแนวนโยบาย การทำงาน รวมถึงเล่าสู่กันฟังถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นช่องทางที่เข้าถึงพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

พร้อมทั้งระบุว่า หากประชาชนต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ไปดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถเขียนเข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และทีมงานจะได้ดูแลช่วยเหลือได้โดยตรง


ล่าสุด วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สื่อมวลชนทุกสำนักได้นำเสนอการเปิดช่องทางสื่อสารกับประชาชนผ่านสังคมออนไลน์ ทำให้ภายในไม่กี่ชั่วโมงได้มีประชาชนมากดติดตามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ที่มียอดติดตามถึง 13,000 คนแล้ว พร้อมทั้งยังได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนหน้าเพจเป็นจำนวนมาก มีทั้งเข้ามายินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่โลกออนไลน์ ให้กำลังใจ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานตลอด 4ปีที่ผ่านมา รวมไปถีงฝากปัญหาเรื่องราคาสินค้าและการบริการ 
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โทรศัพท์ถึง พรรคอนาคตใหม่ เรื่องห้ามการรับบริจาคเงินระดมทุน และห้ามขายของที่ระลึก เนื่องจากมองว่าเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งต่อมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแถลงข่าว ท้าให้ กกต.ออกหนังสือกรณีข้อห้ามดังกล่าวอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจ ร่วมสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ด้วยการสมัครเป็นสมาชิก โดยเฉพาะแบบตลอดชีพ ซึ่งมีค่าบำรุง 2,000 บาท เพื่อจะนำไปใช้ในการณรงค์ทางการเมือง ในช่วงที่ไม่สามารถรับบริจาคและขายของที่ระลึกได้


ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคทางออนไลน์ ภายหลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าวว่า เวลานี้คำสั่ง กกต. ดูสับสนมาก เพราะ กกต. ไม่มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง อันที่จริงพรรคอนาคตใหม่ได้พัฒนาระบบระดมทุนทั้งขายสินค้าพรรค และรับบริจาคผ่านทางออนไลน์ แต่เนื่องจากติดขัดระเบียบ และคำสั่ง กกต. จึงไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ผู้สนับสนุนพรรคและประชาชน สอบถามถึงช่องทางการซื้อสินค้าและบริจาคออนไลน์เป็นจำนวนมาก แต่พรรคยังจะทำกิจกรรมรับสมัครสมาชิกตามปกติทางเว็บไซต์ https://futureforwardparty.org/join และแต่ละสุดสัปดาห์จากนี้จะมีคาราวานรับสมัครสมาชิกและรับฟังปัญหาในพื้นที่ต่างๆ ทุกภาคของประเทศไทยด้วย
นายไกลก้อง กล่าวอีกว่า บรรยากาศการรับสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในหลายพื้นที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ทั้งที่บางแห่งเพิ่งก่อตั้งเป็นที่ทำการสาขาพรรคชั่วคราวเท่านั้น ขณะเดียวกัน การเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. มีผู้สนใจสมัครอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขยอดผู้สมัครตั้งแต่วันที่ 7-10 ต.ค. รวมแล้ว 1,109 คน แบ่งเป็น สมาชิกตลอดชีพ 241 คน และสมาชิกรายปี 868 คน

ข่าวจาก ข่าวสด
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


5ต.ค.61-มีรายงานว่า นายศิริโชค โสภา อดีตสส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์จดหมายเปิดผนึก เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2561บนเฟซบุ๊กชื่อ "leky sopha" ความว่า "ตามที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องข้าพเจ้าทั้งสามคน คือ นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต ที่ 1 นายศิริโชค โสภา ที่ 2 และนายเทพไท เสนพงษ์ ที่ 3 เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาทปรากฎตาม คดีหมายเลขดำที่ อ.630/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.2708/2558 โดยวิธีการโฆษณาด้วยการดำเนินรายการสายล่อฟ้า ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม      ช่องบลูสกาย ในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ เดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
แต่ข้าพเจ้านายศิริโชค โสภา กับพวกดังกล่าวได้จัดรายการโดยนำป้ายที่ใช้แขวนหน้าห้องพักของโรงแรม ปรากฎข้อความว่า ”เอาอยู่” มานำเสนอในรายการแล้วพูดประกอบว่า ”ห้องนี้เอากันอยู่หรือแขกก็เอากันอยู่ อ๊ะๆๆๆๆ และปูโฟร์ซีซั่นส์ ปูว.5 ปูเอาอยู่ เยอะมากๆ นะฮะ คำกล่าวขานท่านนายกเนี่ย” ข้อความและการกระทำของข้าพเจ้ากับพวกดังกล่าว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษาว่าการกระทำดังกล่าวของข้าพเจ้ากับพวกทั้งสามคนเป็นความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท ขณะนี้ข้าพเจ้ากับพวกได้ฎีกาคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และศาลฎีกาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 เวลา 9.30 นาฬิกา
ข้าพเจ้านายศิริโชค โสภากับพวกอีกสองคน รวมทั้งข้าพเจ้าด้วยเป็นสามคนเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า “ข้อความและการกระทำของพวกข้าพเจ้าดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาทนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมาตรี และในฐานะส่วนตัวจริง ข้อความและป้ายดังกล่าวที่นำมาประกอบนั้นไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง
บัดนี้ ข้าพเจ้ากับพวกรวมสามคนคือนายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต จำเลยที่ 1 นายศิริโชค โสภา จำเลย ที่ 2 และนายเทพไท เสนพงษ์ จำเลยที่ 3 ได้สำนึกผิดแล้ว และขออภัยต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ให้อภัยต่อข้าพเจ้า และได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาให้กับข้าพเจ้ากับพวก ทำให้ข้าพเจ้ากับพวก หลุดพ้นจากคดีนี้ ข้าพเจ้ากับพวกทั้งสามคนขอขอบคุณ และถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป"






ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


4 ต.ค.61 - รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า หลังจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศออกมา ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากเดิม ในการคำนวนส.ส.ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม แม้จะมีการนำทุกคะแนนเสียงมาคำนวน แบบไม่ทิ้งน้ำ แต่ขณะเดียวกัน หากพรรคใดได้จำนวนส.ส.เขต ตามเกณฑ์ที่มีการกำหนดไว้แล้ว ทำให้โอกาสที่จะได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เข้ามานั้น ยิ่งน้อยลงไป ทำให้ขณะนี้บรรดาอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.เกรดเอ ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง โดยในกทม. ย่านฝั่งพระนคร ปรากฎชื่อทั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสุธรรม แสงประทุม ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนย่านฝั่งธน นายวัฒนา เมืองสุข ก็ขออาสาลงสมัครแข่งขันท้าชนกับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์
รายงานข่าวรุบว่า ขณะที่แกนนำของพรรคเพื่อไทย เปิดโอกาส มีนโยบายสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ให้ลงแข่งขัน แย่งคะแนนเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ จึงปรากฎชื่อทั้งนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส หนึ่งในคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาลงส.ส.เขตบางกะปิ เช่นกัน 
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่เหนือ อีสาน นอกจากนักการเมืองที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นที่จะได้ลงค่อนข้างแน่นอนแล้ว แต่ก็มีบางคนจะวางมือทางการเมือง สนับสนุนทายาทลงเลือกตั้ง เช่น นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด ผลักดันบุตรสาวลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้แม้แต่นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชายนายนิสิต นายคารม พลพรกลาง ทนายความเสื้อแดง ไม่มีพื้นที่ จึงย้ายไปร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ เช่นเดียวกับในจ.หนองคาย ที่มีการวางตัวคนรุ่นใหม่ลงสมัครแข่งขันทั้ง3เขต ทำให้ว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย อดีตส.ส.ไม่มีพื้นที่ ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย 
รายงานข่าวเผยอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อธรรมที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้า มีการตั้งขึ้นมาทั้งเตรียมพร้อมหากพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ หากยังไม่เข้าช่วงเวลา90วันก่อนเลือกตั้ง จะให้สมาชิกพรรคทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อธรรม แต่หากสถานการณ์การเมืองปกติ จะมีการส่งผู้สมัครส.ส.ที่พลาดหวัง ไม่ได้ลงสมัครจากพรรคเดิม ลงแข่งขัน เป็นทั้งการแก้ปัญหาพื้นที่เต็ม และยังเป็นการดึงคนที่มีแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ให้ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


3 ต.ค.61 - นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 จ.สระแก้ว และนางตรีนุช เทียนทอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.สระแก้ว หลานชายและหลานสาวของของตน ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนไม่โกรธ แต่เสียใจที่หลานชายและหลานสาวไปร่วมพลังประชารัฐโดยไม่ปรึกษาก่อน มาบอกเมื่อไปแล้ว
"ส่วนลูกทั้ง 2 คน ยืนยันยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นสิทธิ์ และทางพรรคได้วางตัวผู้สมัครใหม่แล้ว มั่นใจว่าจะได้ 3 ที่นั่งใน จ.สระแก้ว"นายเสนาะ กล่าว.

ข่าวจาก ไทยโพสต์ 
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


"สุเทพ" ลงพื้นที่ตลาดปัฐวิกรณ์ รับสมัครสสมาชิกพรรค รปช.ท่ามกลางแฟนคลับรอต้อนรับพร้อมนกหวีด ลั่นอย่าลืมการต่อสู้ของ กปปส. ประกาศได้เป็นรัฐบาลแน่ ยังไม่ชัดร่วม "พลังประชารัฐ" ตั้งรัฐบาล


เมื่อวันที่ 1 ต.ค.61 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงพื้นที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เพื่อชักชวนประชาชนมาแสดงเจตจำนงเป็นสมาชิกพรรค เตรียมพร้อมก่อน กกต.รับรองความเป็นพรรคการเมือง โดยมีประชาชนมารอแสดงเจตจำนงจำนวนมาก และรอให้การตอนรับนายสุเทพ ซึ่งทันทีที่นายสุเทพเดินทางมาถึงเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น พร้อมแฟนคลับ กปปส.ก็ได้นำรูปที่ถ่ายกับนายสุเทพและตุ๊กตารูปนายสุเทพมาเพื่อขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่ บางคนก็ให้เซ็นชื่อกับเสื้อที่ใส่มา ทั้งนี้ระหว่างถ่ายภาพร่วมกับประชาชน เจ้าหน้าที่ได้แนะนำระหว่างที่ นายสุเทพ เดินทางมา แต่กลับพูดชื่อพรรคที่สังกัดผิดจากรวมพลังประชาชาติไทย เป็นรวมพลังประชาธิปไตย ทำให้นายสุเทพถึงกับหันไปมองทันที
จากนั้น นายสุเทพ ได้กล่าวกับประชาชนว่า ขออย่าลืมสิ่งที่เคยต่อสู้ด้วยกันมาในเวที กปปส.เพื่อทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการปฏิรูป โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง ที่ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก ให้ได้ผลดีที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้นายสุเทพยังให้ความมั่นใจว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะพรรคมีประชาชนนับล้านคน ดังนั้นใครก็อยากคบหาและอยากให้เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ขอประกาศไว้เลย แต่ส่วนตัวจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขอเป็นเพียงลุงกำนันแก่ๆ ที่ช่วยงานพรรคเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสุเทพ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การหาเสียง เพราะไม่มีเนื้อหาที่เชิญชวนให้มาเลือก เพียงแต่ชี้แจงให้เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องมีพรรคการเมืองของประชาชน ส่วนการถูกกล่าวหาเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากมีการฟ้องร้องก็จะขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนนำเสียงที่บันทึกไปต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่ามั่นใจจะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ใครที่เป็นรัฐบาลก็อยากเชิญไปร่วมรัฐบาลด้วย และจะเป็นโอกาสที่จะได้เจรจานำเงื่อนไขเรื่องการปฏิรูปของพรรคไปปฏิบัติ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ไม่ขอมองพรรคการเมืองใดเป็นคู่แข่ง แล้วตัวเองก็จะไม่ประกาศเป็นคู่แข่งใคร ขอมองเพียงตัวเอง และไม่มองว่าจะเป็นการตัดคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่มี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไปร่วมพรรคพลังประชารัฐนั้น ส่วนตัวมองว่าอะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็ไม่รังเกียจ ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องตัดสิน ไม่ใช่ให้นักการเมืองมาตัดสินกันเอง อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบความเป็นไปได้ ที่จะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐด้วย
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงจุดยืนที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยว่า หลังจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับพรรคว่า จะเห็นเป็นอย่างไร แต่ที่เคยบอกว่าสนับสนุนเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น
ทั้งนี้เขตบึงกุ่มเป็นพื้นที่นำร่องหาสมาชิกของพรรครวมพลังประชาชาติไทย หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้จดจัดตั้งพรรคกับ กกต.ตั้งแต่เดือน ส.ค.ซึ่งการนำคาดว่า กกต.จะรับรองความเป็นพรรคประมาณช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นก็จะเดินหน้ารับสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการ โดยให้ผู้ที่แสดงเจตจำนงไว้ได้มายืนยันและจ่ายค่าบำรุงพรรค ตามที่กฎหมายกำหนด

ข่าวจาก ไทยรัฐ
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


29 ก.ย.61 - ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมใหญ่เพื่อจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จากห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูมที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีรัฐมนตรีที่จะมาดำรงตำแหน่งต่างๆ พร้อมเปิดตัวในวันนี้เดินทางมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม จะมาเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ จะมาเป็นเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองหัวหน้าพรรค ขณะที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกพรรค
กระทั่งเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติเลือก นายอุตตม เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ , นายสนธิรัตน์ เป็นเลขาธิการพรรค  สำหรับตำแหน่งต่างๆในเบื้องต้น มีดังนี้1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค 4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค 
คณะกรรมการบริหารอื่นๆของพรรค ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ 1.ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ 2.นายณัฐพล ทีปสุวรรณ 3.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 5.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 6.นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ 7.น.ส.ธนิกานต์ พรคงสาโรจน์ 8.นายสรวุธ เนื่องจำนงค์ 9.นายอนุชา นาคาศัย 
10.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 11.นายกวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 12.นายนพพงษ์ ธีระวร 13.นางนฤมล สอาดโฉม 14.นางอิทธิพล คุณปลื้ม 15.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ 16.นายวิเชฐ ตันติวานิช 17.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 18.นายชวน ชูจันทร์ 19.นายกรันต์ สุทธารมณ์ 20.นายสันติ กีระนันท์

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


27 ก.ย. 61 - ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ได้ร่วมเปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการและลูกหลานสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาทิ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ที่ปรึกษาเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางสาวอรุณี กาสยานนท์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ นายต้น ณ ระนอง บุตรชายนายกิติรัตน์ ณ ระนอง และนายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นต้น 
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเเท้จริง ไม่ได้มีแค่ภาพ แต่มีความสามารถ มีอุดมการณ์ ที่จะผสมผสานนำภารกิจ วิสัยทัศน์ และนโยบายไปสู่การปฎิบัติด้วยการผสมผสานกับบุคลากรของพรรคที่มีอยู่เดิมทั้งอดีต ส.ส. เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยมีความแตกต่างกับพรรคอื่นๆ
น.ส.อรุณีกล่าวว่า คนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรค เพราะการเข้ามาทำงานทางการเมืองเพื่อพยายามลดความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินหน้า ทำการเมืองสร้างสรรค์ มีทัศนคติทางการเมืองเชิงบวก ลดการตอบโต้ ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และส่วนตัวไม่มีความกังวลที่เข้ามาอยู่กับพรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่า เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาล โดยพร้อมจะต่อสู้ทุกรูปแบบ ในวิถีทางที่ถูกต้อง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ที่มาสมัครสมาชิก มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมาทำงานให้กับพรรค ส่วนหนึ่งจะลงส.ส.เขต อีกส่วนจะมาทำงานเชิงนโยบาย และช่วยงานการเมืองในทุกมิติ ซึ่งถือว่า การมาครั้งนี้ทำให้พรรคมีความหลากหลาย

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


26ก.ย.61-นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Watana Muangsook ระบุว่า
วันนี้พรรคเพื่อไทยเรียกประชุมใหญ่อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครของพรรคที่จะส่งลงรับเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นครั้งแรกหลังจากการรัฐประหาร มีสมาชิกมาร่วมประชุมกันอย่างคับคั่ง ทุกคนพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับประชาชนตามกติกา สโลแกนของพรรคอันถือเป็นจุดยืนทางการเมืองปรากฏอยู่ด้านหลังของเวทีว่า “พรรคเพื่อไทยรังเกียจและไม่เอาด้วยกับเผด็จการทุกรูปแบบ” แบบนี้คงไม่ต้องถามอะไรกันอีก ใครชอบเผด็จการหรือโจรกระจอกเชิญไปพรรคอื่นครับ




ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok

เมื่อวันที่ 26 กันยายน แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า การประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อธรรมครั้งแรกจะจัดประชุมที่โรงแรมเชียงใหม่ออคิด จังหวัดเชียใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น.

อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนพรรคเพื่อธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งสะท้อนให้เห็นว่า คนที่เป็นผู้ขับเคลื่อนพรรคหลักๆเป็นคนจากฝั่งบ้านแจ้งวัฒนะ โดยเบื้องต้นคาดว่า จะเคาะชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ มานั่งเป็นหัวหน้าพรรค และประมาณช่วงกลางเดือนถึงช่วงสิ้นเดือนจะรู้ว่าอดีตส.ส.ของพรรคพท.คนใดจะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อธรรมบ้าง 

แต่เบื้องต้น 90% อดีตส.ส.ภาคเหนือ และภาคอีสานจะไปเกือบหมด เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่พรรคพท.จะถูกยุบจากกรณีแถลงข่าว 4 ปี คสช. 

อย่างไรก็ตาม สำหรับแกนนำ และอดีตรัฐมนตรีจากพรรคพท.ตัวหลักๆ และคนที่สุ่มเสี่ยงว่ามีปัญหาเรื่องคดีความ หรือเรื่องอื่นๆ จะยังคงอยู่พรรคพท.ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงเขตต่างๆ รายงานข่าวแจ้งว่า จะไม่ซ้ำซ้อนกับพรรคพท. เพราะถ้าจะให้ส่งประกบคู่กันไปหมดทั้งประเทศคงไม่ได้ เพราะหนักเกินไป โดยเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผู้สมัครสลับลง หรือส่งลงในพื้นที่ฟันหลอเท่านั้น

ข่าวจาก มติชนออนไลน์


ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


25 ก.ย.61-นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “หัวเลี้ยวหัวต่อประชาธิปไตยไทย” บนเวที Concordia Summit การประชุมคู่ขนานของการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก ซึ่งเวทีดังกล่าวมีนักการเมืองและบุคคลสำคัญระดับโลกจำนวนมากได้รับเชิญให้ขึ้นพูด เช่นอิวังกา ทรัมป์ บุตรสาวและที่ปรึกษาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายจอห์น ฮิคเกนลูเปอร์ ผู้ว่าการมลรัฐโคโลราโด ซึ่งกำลังจะลงสมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2020 รวมถึงเจ้าหญิงแมรี มกุฏราชกุมารีเดนมาร์ก
 นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่ไทยเป็นประเทศที่มีการรัฐประหารมากที่สุดในโลก ว่าเกิดจากความพยายามที่จะแบ่งแยกและปกครอง สร้างความแตกแยกและเกลียดชังระหว่างประชาชนโดยใช้วาทะแห่งความเกลียดชัง การเมืองแห่งความกลัว และข่าวปลอม เพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าความขัดแย้งเกิดจากความแตกแยกทางการเมือง เชื่อว่าประชาธิปไตยคือปัญหา และทหารคือวีรบุรุษที่เข้ามากอบกู้ประเทศ ทั้งที่ในความเป็นจริงการรัฐประหารซ้ำซากเกิดจากกลุ่มคนจำนวนน้อยนิดที่ผูกขาดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับระบอบเผด็จการทหาร
ท่ามกลางการเมืองที่ไม่มีทางออกนี้ พรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดขึ้น เป็นที่รวมของคนหลากหลายตั้งแต่ผู้นำแรงงาน อวค์กรเยาวชน อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจ ข้าราชการ สร้างการเมืองใหม่ที่สร้างสรรค์ สดใส และมีความหวังอีกครั้งในสังคมไทย 
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากระบอบเผด็จการใช้อำนาจ ทำให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างอนาคตใหม่ไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะผ่านสื่อกระแสหลักหรือโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่าตนเองก็เพิ่งถูกตั้งข้อหาจากการวิพากษ์รัฐบาลคสช.ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ แต่นายธนาธรยืนยันว่าการทำเช่นนั้นไม่มีผล ไม่มีใครในพรรคย่อท้อหรือเกรงกลัว 
“ทุกๆวัน มีคนเข้าร่วมกับอนาคคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน ยิ่งมีเสียงสนับสนุนเรามากขึ้น ความหวังที่เราจะมีประเทศไทยที่มีประชาธิปไตย และมีเสถียรภาพ ก็ใกล้ความจริงมากขึ้นไปด้วย”
นายธนาธรกล่าวปิดท้ายว่า ประเทศไทยถือเป็นแบบอย่างที่ทำให้โลกเห็นว่าประชาธิปไตยไม่อาจได้มาโดยง่าย 
“เราผู้ที่ถูกขโมยประชาธิปไตยไป และกำลังต่อสู้เพื่อทวงคืนมันกลับมา รู้ดีที่สุดว่าประชาธิปไตยคือสิ่งที่บอบบางแค่ไหน ประชาธิปไตยไม่อาจได้มาโดยใช้กำลัง นั่นคือวิถีของเผด็จการ ประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชน และเพื่อประชาชนเสมอ นั่นคือเหตุผลที่เราต่อสู้สุดกำลังเพื่อนำมันกลับมา เพราะอนาคตของประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมจะต่อสู้เพื่อมันหรือไม่”.

ข่าวจาก ไทยโพสต์
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


เมื่อวันที่ 25 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จรัญ ชิตะปัญญา รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ทำหนังสือถึงคณะกรรมการบริหาร และสมาชิกพรรคเพื่อธรรม เพื่อเชิญประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ของพรรค และเพื่อร่วมกันออกขอบังคับพรรค ในวันที่ 30 กันยายนนี้

ทั้งนี้ การฟื้นพรรคเพื่อธรรมขึ้นมาปัดฝุ่นดำเนินการนั้น เพราะผู้นำระดับสูงของพรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประเมินกันแล้วว่า พรรคพท.อาจจะเจออุปสรรคทางการเมือง อาจจะถูกเล่นงานจนถึงขั้นยุบพรรคจากกรณีการแถลงข่าวครบรอบ 4 ปี คสช. จึงดึงพรรคเพื่อธรรมขึ้นมาหากเกิดกรณีไม่คาดฝัน

อย่างไรก็ตาม คนที่จะเข้าไปดำเนินการขับเคลื่อนพรรคเพื่อธรรมนั้นเป็นหลักๆคือระดับอดีตรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคมนส่วนของภาคเหนือ และภาคอีสานของพรรคพท. เป็นการเคลื่อนคู่ขนานกันไป ซึ่งอาจจะมีอดีตส.ส.ของพรรคพท.หลายคน โยกย้ายตัวเองไปอยู่ในพรรคเพื่อธรรม หรือส่งตัวแทนลงไปอยู่ด้วย

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


24 ก.ย.61 เว็บไซต์ “สำนักข่าวไทย” เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถึงการเตรียมลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของ นายสุรบถ หลีกภัย หรือปลื้ม บุตรชาย ว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของบุตรชาย และไม่ได้มีการชักจูงให้เข้ามาเป็นนักการเมืองแต่อย่างใด เพราะเรื่องอาชีพและเส้นทางการเมืองนั้น มองว่าแต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเป็นความผูกพันที่จะต้องทำหน้าที่ไปอีกยาวไกล และยิ่งงานการเมืองถ้าเราได้คนที่มีความตั้งใจและรักในงานนั้น เวลามีปัญหาจะได้ไม่ท้อถอย เพราะถือว่าเราเลือกเอง ซึ่งตนก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน เมื่อตอนตัดสินใจเป็นนักการเมือง
“พ่อเป็นข้าราชการก็อยากให้ผมเป็นข้าราชการ แต่ผมตัดสินใจมาเป็นนักการเมืองด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อเลือกเองก็ต้องพร้อมฟันฝ่ากับทุกอุปสรรคที่จะตามมา ผมไม่เคยไปยุให้เขามาเล่นการเมือง แต่น้องปลื้มเรียนรู้อะไรมามากพอสมควรจากการที่เป็นลูกนักการเมืองไม่มากก็น้อย  และเขาก็จำสิ่งที่ผมบอกเขาได้เสมอเรื่องการทำงาน ทำอะไรก็ตามจะต้อง “1.ทำด้วยใจ 2.ความซื่อตรง และ 3.สุจริต” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวด้วยว่า ฉะนั้นถ้าเขาสนใจจะเล่นการเมือง สิ่งที่ตนจะให้เขาได้คือการให้กำลังใจให้เขาทำงานให้ประสบความสำเร็จ แต่ต้องคิดให้รอบคอบว่าพร้อมที่จะมาทำงานด้านนี้หรือไม่ และอย่าคิดว่าจะมาหาความร่ำรวยจากงานการเมือง ซึ่งเขารู้ดีเรื่องนี้เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีของตนก็ไม่ได้สร้างมรดกอะไรให้เขามากมาย นอกจากให้เขาได้เรียนรู้ว่าต้องทำเพื่อประชาชน ส่วนวันข้างหน้าเขาจะเดินไปอย่างไร เชื่อว่าคนรุ่นนี้ก็มีสติปัญญาที่จะคิดแต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งที่ควรยึดถือคือรักประชาชนและรักประชาธิปไตย ตนในฐานะพ่อก็ให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า เล็งเห็นศักยภาพใดในตัวบุตรชายในการลงเล่นการเมือง นายชวน กล่าวว่า นายสุรบถมีประสบการณ์อยู่บ้าง เพราะผ่านเรื่องราวหลายด้าน และเจอปัญหามาพอสมควร เนื่องด้วยความเป็นลูกของตนซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย  และนายสุรบถ ยังเคยได้ร่วมงานกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ซึ่งเปรียบเป็นคุณครู และญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่สอน ให้แง่คิด และทำงาน ในสมัยที่นายนิพิฏฐ์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม แต่หลายเรื่องก็ยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปในการทำงานให้กับบ้านเมือง
เมื่อถามถึงตำแหน่งที่เหมาะสมในพรรคประชาธิปัตย์และการดึงฐานเสียงคนรุ่นใหม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่จะมอบหมายหน้าที่ให้ แต่การทำงานกับพรรคการเมืองจะต้องทำได้หลายบทบาทหน้าที่และรู้รอบด้าน สิ่งแรกคือต้องเข้ามาช่วยพรรคเท่าที่จะสามารถทำได้ก่อน
ส่วนเรื่องการเรียกฐานเสียง First Vote จากกลุ่มวัยรุ่นนั้น มองว่าก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะนายสุรบถเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ความจริงแล้วไม่สามารถแยกกลุ่มได้ เพราะประเทศชาติอยู่ได้ด้วยคนทุกรุ่น และสังคมเราต้องเรียนรู้จากทั้งอดีตและปัจจุบัน โดยต้องยอมรับศักยภาพของคนทุกฝ่ายด้วยโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์และต้องสร้างให้คนรุ่นใหม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยเดียวกัน จึงจะสามารถเดินหน้าไปได้
ไทย กรุงเทพ กทม การเมือง ท่องเที่ยว สังคม Thai Thailand bangkok


22 ก.ย.61-   นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ทราบมาว่ากกต.ได้รับจดทะเบียน พรรคเพื่อนไทย ไม่ทราบว่ากกต . รับจดทะเบียนชื่อพรรคนี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่า พรรคนี้ ตั้งใจใช้คำคล้ายกันกับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ประชาชนคิดว่า เป็นพรรคเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย จนลงคะแนนให้ อีกทั้งโลโก้พรรค ก็คล้ายกัน ต่างกันแค่คนละสี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในสัปดาห์หน้า จะให้ ฝ่ายกฎหมายของพรรค ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง กกต.เพื่อสอบถามรายละเอียดเรื่องนี้
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กกต.รับจดทะเบียนพรรคเพื่อนไทย มีเหตุผลอะไร เพราะอาจทำให้ประชาชน ที่ตั้งใจมาลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทยสับสนได้ ทางกกต.ต้อง ออกมาชี้แจงให้กระจ่างด้วย 
สำหรับพรรคเพื่อนไทย ได้จดชื่อพรรคตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นลำดับที่ 107/2561 เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 61 โดยมีนายสิระ พิมพ์กลาง อดีตแกนนำคนเสื้อแดงสกลนคร ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อนไทย เป็นผู้แจ้งจดตั้งชื่อพรรค.

ข่าวจาก ไทยโพสต์