ศาลฎีกานักการเมืองฯ มีมติเสียงข้างมาก ยืนอุทธรณ์ยกฟ้อง “สุชาติ เหมือนแก้ว” อดีต ผบช.น. กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 51 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ชี้ไม่มีเจตนาพิเศษใช้แก๊สน้ำตา
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน ออกนั่งบังลังก์อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ในคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุขาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. จำเลยที่ 4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีการออกคำสั่งขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน ออกนั่งบังลังก์อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ในคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุขาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. จำเลยที่ 4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีการออกคำสั่งขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
องค์คณะมีมติเสียงข้างมาก พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าจำเลยที่ 4 ในฐานะที่เป็น ผบ.เหตุการณ์ได้สั่งการควบคุมฝูงชนด้วยการใช้แก๊สน้ำตาตามความจำเป็นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้นแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า บ่าย และค่ำของวันที่ 6-7 ต.ค. 2551 เพราะการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีท่าทีที่จะยุติ แม้ช่วงแรกเจ้าหน้าที่จะได้กระทำการตามแบบแผนการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม กระทั่งเปิดทางให้มีการประชุม ครม. เพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แล้ว ซึ่งสถานการณ์กดดันขณะนั้นหากไม่ได้ดำเนินการโดยเหมาะสมอาจเกิดความเสียหายได้ แสดงให้เห็นว่าการใช้แก๊สน้ำตาเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อควบคุมฝูงชนเท่านั้น ไม่ใช่ใช้เพื่อเล็งเห็นผลที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งในหลายประเทศก็นิยมใช้กัน และไม่ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต การกระทำของจำเลยที่ 4 ไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุม
ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ตนสู้คดีมา 10 กว่าปีนับตั้งแต่เกิดเหตุจนคดีเข้าสู่การไต่สวนของ ป.ป.ช. จนมาถึงชั้นศาล ระหว่างสู้คดีก็ได้กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ เหตุการณ์วันนั้นทุกฝ่ายก็ทำไปตามหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เป็นบทเรียนแก่ตำรวจรุ่นน้องๆ ส่วนสิ่งไหนจะถูกหรือผิดในวันนั้นไม่สามารถตอบได้ เมื่อศาลมีคำพิพากษาเราก็ต้องน้อมรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีภรรยา และเพื่อนรุ่นน้องมาให้กำลังใจและร่วมฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ด้วย โดยหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.สุชาติมีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส ขณะที่ช่วงเช้าได้เดินทางมาถึงที่ศาลฎีกาฯ ตั้งแต่เวลา 8.00 น. และเดินทางเข้าห้องพิจารณาคดีทันทีก่อนถึงเวลานัดหมายของศาล
ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
Post A Comment: