"จาตุรนต์"อวย"นคร มาฉิม"แทบตัวลอย กล้าหาญที่จะพูดความจริง!!


 9ก.ย.61 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีทหาร ทภ.3 เข้าพูดคุยกับ นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีพูดคุยตัวแทนสหภาพยุโรป (อียู) ถึงสถานการณ์การเมืองกับการเลือกตั้ง ว่า เป็นการเล่าความจริงที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมา อย่างตรงไปตรงมา เป็นการกระทำที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสังคม กล้าหาญที่จะพูดความจริง และการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทูตหรือนักการเมืองต่างประเทศเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก นักการเมือง แกนนำพรรคต่างๆ ทำกันอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ได้รับเชิญไปพูดที่ทำงานหรือสถานทูตต่างๆ หรือการพูดนอกสถานที่ ทั้งเปิดเผยบ้างและไม่เปิดเผยบ้าง


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สิ่งที่นายนครพูดเป็นความจริง คนทั่วไปรู้อยู่แล้ว วิเคราะห์ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่สมคบคิดเพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่รัฐประหาร จึงไม่มีความผิดใดๆ การที่ทหารยกกันไปเป็นโขยงเพื่อไปพบนายนครที่บ้าน แล้วไปพูดจาขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการข่มขู่คุกคามที่ไม่ได้ผล เพราะนายนครไม่ได้หวาดกลัว และยืนยันพูดความจริงต่อไป ตรงกันข้ามการข่มขู่คุกคามอย่างเปิดเผยครั้งนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อ คสช. , รัฐบาล และประเทศชาติ ประจานตัวเองว่ายังมีการคุกคามผู้ที่มีความเห็นต่าง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า กรณีของนายนคร และกรณีที่เกิดขึ้นในระยะหลังนี้ ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น มีลักษณะพิเศษอยู่ 5 ข้อ คือ 1.การห้ามพรรคการเมืองทำนโยบายที่ต้องอาศัยการประชุมหารือ และสื่อสารกับสมาชิกพรรคและประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพต่างๆ 2.จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นด้วยการใช้กฎหมายดำเนินคดีเกินกว่าเหตุ เช่น การตั้งข้อหาตามมาตรา 116 หรือตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 3.มีการคุกคามด้วยกำลังทหารเข้าพบหรือเชิญไปพบสำหรับผู้เห็นต่างหรือวิจารณ์รัฐบาล
4.มีแนวโน้มจำกัดการปราศรัยหาเสียงอย่างมาก จะทำให้ประชาชนขาดข้อมูลในการตัดสินใจ และ 5.เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่ยังคงอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่เหนือกฎหมาย ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และอำนาจเหนือกฎหมายนั้นคือผู้ที่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งด้วย เพราะฉะนั้นลักษณะพิเศษทั้ง 5 ข้อนี้ ทำให้กระบวนการเลือกตั้งถูกทำลายทั้งในแง่ความมีสิทธิเสรีภาพ ความสุจริตเที่ยงธรรม และการที่ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดใครเป็นรัฐบาล และรัฐบาลควรบริหารประเทศด้วยนโยบายอย่างไร
ดังนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ นักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ไม่มีพื้นฐานสะสมองค์ความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งไม่มีความพร้อมฐานสนับสนุนหรือกลไกต่างๆ จะไปได้ลำบากมาก และอาจหมดกำลังใจไปก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีความพร้อมพอสมควรก็คงต่อสู้ดิ้นรนกันไป แต่ต้องยอมรับว่ามีความจำกัดอย่างมาก ทำอะไรได้ไม่ดีเท่ากับการเปิดเสรี โดยเฉพาะในการทำนโยบายซึ่งมีความสำคัญมากต่อการเลือกตั้ง การจำกัดสิทธิเสรีภาพต่อการเลือกตั้งในการแสดงความคิดเห็น ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือมากขึ้นก็จะเป็นผิดเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งไปมาก ตนพยายามชี้แจงให้เห็นถึงผลเสียส่ิงที่เป็นอยู่ เผื่อ คสช.หรือรัฐบาล จะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมและแก้ไขเสีย
เรื่องนี้คนของ คสช.และรัฐบาล พยายามพูดให้เกิดความสับสน พูดว่ามีเวลาหาเสียง 70 วัน มากกว่าการเลือกตั้งก่อนๆ ด้วยซ้ำ เป็นการบิดเบือนประเด็น แต่ที่เราพูดกันอยู่ไม่ใช่เรื่องเวลาหาเสียงน้อยเกินไป แต่เรากำลังบอกว่าการห้ามพรรคการเมืองพึงต้องทำอยู่เป็นประจำ และช่วงก่อนจะถึงเวลาเลือกตั้ง มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องคือกระบวนการทำนโยบาย และการไปให้เริ่มทำนโยบายอย่างจริงๆ ได้พร้อมกับการหาเสียงเป็นเรื่องแปลกประหลาด เพราะจะต้องใช้เวลาจำนวนมากไปกับการทำนโยบาย ก่อนจะหาเสียงได้ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนก่อน
"ดังนั้นการที่คนรัฐบาล ทำให้สับสนเพื่อทำการให้การเลือกตั้งไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ และยังได้แบบไต๋ออกมาด้วยว่า ถ้าอยากมีเวลามากต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป สิ่งเป็นการพูดเอาแต่ได้ ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายกับประเทศเลย" นายจาตุรนต์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ถ้าในส่วนของพรรคการเมืองด้วยกัน ทาง คสช.และรัฐบาล พยายามทำให้พรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้นำ คสช.ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ โดยรวมแล้วคือทำเพื่อให้ผู้นำ คสช.หลังการเลือกตั้งได้เปรียบมากๆ ต้องการทำลายระบบการเลือกตั้งให้มีความหมายน้อยกับประชาชนมากที่สุด ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาลคือต้องการให้มีการปกครองโดยผู้นำ คสช.อย่างที่ผ่านมาเรื่อยๆ ไป
ส่วนผลพวงจากกลไกเหล่านี้หลังการเลือกตั้งคือ คสช.ได้เป็นรัฐบาลต่อไป หมายถึงต้องอาศัย ส.ว.ที่หัวหน้า คสช.ตั้งขึ้นเป็นหลัก และนักการเมือที่ขณะนี้ยังหาเสียงไม่ได้ คือไปสร้างเงื่อนไขให้บางพรรคไปสนับสนุนด้วยวิธีฉ้อฉนต่างๆ และตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ก็จะขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนต่อการเลือกตั้ง เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่ประชาชนจะแสดงออกมาว่าต้องการให้หัวหน้า คสช.เป็นรัฐบาลต่อไป รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาขาดความชอบธรรมแต่ต้น และที่สำคัญเมื่ออาศัยฐานที่ไม่ได้มากจาการเลือกตั้งสำคัญเป็นหลัก รัฐบาลแบบนี้จะไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน และจะกลายเป็นทำประเทศเสียโอกาส รวมทั้งนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมในอนาคต
ดังนั้น จึงถือเป็นความอ่อนแอต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆ ก็เกิดจากการความพยายามวางแผนให้เกิดความวุ่นวายไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนปกครองประเทศที่ไม่เป็นระบบประชาธิปไตยไปอีกยาวนาน และหากประชาชนยินยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นประเทศจะล้าหลังไปอีกนานมาก

ข่าวจาก แนวหน้า
Axact

Axact

Vestibulum bibendum felis sit amet dolor auctor molestie. In dignissim eget nibh id dapibus. Fusce et suscipit orci. Aliquam sit amet urna lorem. Duis eu imperdiet nunc, non imperdiet libero.

Post A Comment: