นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อ ภูมิแพ้ ถูกสารเคมี โดยชนิดที่พบได้บ่อยและติดต่อกันได้ง่ายมาก คือ โรคเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อไวรัส อดีโนไวรัส รองลงมาคือ เฮอร์ปีสไวรัส เอนเทอโรไวรัส และคอกแซกกี ติดต่อทางน้ำตา ผ่านทางการสัมผัสโดยตรงจากมือหรือเครื่องใช้ และไปสัมผัสตาของอีกคน ไม่ติดต่อทางการมองหรือทางอากาศ หรือรับประทานอาหารร่วมกัน
นอกจากนี้ อาจป่วยจากการถูกน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตาซึ่งโรคนี้พบบ่อยในช่วงฤดูฝน มักเกิดการระบาดในชุมชนที่มีคนอยู่ร่วมกัน เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานที่ทำงาน สระว่ายน้ำ สำหรับสถานการณ์โรคตาแดงของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 สิงหาคม 2561 พบผู้ป่วย 59,751 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 45-54 ปี โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ จะใช้การรักษาตามอาการหรือหยอดตา เพื่อลดอาการระคายเคือง เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายรุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มป่วย อาจมีการลุกลามหากรู้สึกมีอาการเคืองตา มีขี้ตามากกว่าปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถป้องกันโรคตาแดงด้วยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดก่อนเอามือสัมผัสหรือขยี้ตา ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับคนที่เป็นตาแดง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ล้างมือหลังสัมผัสผู้ป่วย ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ไม่ใช้มือแคะ แกะ เกาหน้าตา ถ้ามีฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที อย่าปล่อยให้แมลงหวี่ หรือแมลงวันตอมตา นอกจากนี้ควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า ให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่ใช้สิ่งของเหล่านี้ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในช่วงที่มีโรคตาแดงระบาด สำหรับผู้ป่วยโรคตาแดงสิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรพบแพทย์ หยุดเรียน หรือหยุดงานรักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่างน้อย 3 วัน เพื่อไม่ให้โรคตาแดงลุกลามหรือติดต่อสู่คนอื่น หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Post A Comment: