วันนี้ (7 ก.ย.) ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่พบปะประชาชน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า มาครั้งนี้รู้สึกอบอุ่นใจ จ.ลพบุรีเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนแห่งราชธานีแห่งที่ 2 ของไทย และตนเองเป็นคนลพบุรี เกิดที่โคราชแต่มาโตที่ลพบุรี เพราะพ่อมาเป็นทหารที่นี่ อย่างไรก็ตาม วันนี้มาติดตามงาน ติดตามปัญหาของประชาชนว่ามีอะไรที่จะทำความเข้าใจกันได้บ้าง ไม่ได้มาทำงานการเมือง และวันนี้ตื่นเต้นกลับมาบ้านเก่า แต่บ้านเก่าหมายถึงบ้านที่เคยอยู่อาศัย แต่เมื่อเป็นรัฐบาลไม่สามารถทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ทำเพื่อคนลพบุรี หรือคนโคราชอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำให้ทุกจังหวัด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ลพบุรีถือเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม ดินแดนที่สงบสุข เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากภัยสงครามตั้งแต่อดีต เป็นที่ตั้งของกองกำลังทหาร ทั้งนี้ ย้ำว่าทหารไม่ใช่ศัตรูของประชาชน ตนเป็นทหารมา 40 ปี ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับประชาชนเลย ซึ่งทหารมีคติพจน์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ปกป้องอธิปไตยและรักษาความมั่นคงภายใน ดังนั้น จำเป็นที่ต้องมีทหาร อย่าเชื่อหากใครบอกไม่ต้องมีทหารแล้วก็ได้ เพราะในยามที่ไม่มีการสู้รบก็ต้องมีทหารเพื่อสร้างความเข้มแข็ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เราทุกคนทิ้งดินแดนแห่งนี้ไม่ได้ ประเทศไทยเป็นดินแดนที่ดีที่สุด วันหน้าประเทศไทยต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย แต่ขอให้เป็นประชาธิปไตยที่ลดความขัดแย้ง รบกันไปมาไม่เกิดประโยชน์ จึงขอให้ทุกคนช่วยกันและมีหลักคิด เพราะไม่มีรัฐบาลไหนทำเองได้ทั้งหมด และทุกรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล สิ่งสำคัญต้องไม่มีการทุจริต ในส่วนของรัฐบาลนี้หากมีข้อมูลหลักฐานการทุจริต ส่งข้อมูลมาที่ตนได้ทันที การตัดสินใครผิดถูกก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีคนเลวๆ ในระบบก็ต้องให้คนเหล่านั้นออกไป หากมีใครรังแก ทุจริตก็แจ้งมายังตน ไม่ว่าจะเป็นใครจะถูกลงโทษสถานหนัก จะเห็นจากมีการปลดหรือย้ายคนจำนวนมาก ตนทำด้วยบริสุทธิ์ใจ จึงไม่กลัวอะไรในการใช้อำนาจในการบริหาร และไม่ได้ตั้งใครเพื่อเป็นพวกของตน หรือผลประโยชน์ทางการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดกับดักประชาธิปไตยและกับดักรายได้ปานกลางทำให้ไปไหนไม่ได้ เสียเวลามากว่า 10 ปี ที่มีขัดแย้ง ทุกรัฐบาลติดขัดไปหมด รัฐบาลนี้จึงต้องไปทุกที่ทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าที่ไหนจะชอบหรือไม่ แม้จะเกลียดก็จะไป ก็จะมาให้เกลียด ไม่ได้มาให้รัก หากจะเกลียดก็เป็นเรื่องของประชาชน ยิ่งเกลียดก็จะรักให้มากขึ้น และที่เขายังไม่รักเพราะอะไร เราไม่ได้ทำอะไรให้ หรือยังไม่เป็นธรรม อย่าเลือกที่รัก มักที่ชัง ทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่นำพาไปพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ขณะที่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขอย้ำตนไม่ได้อยู่ถึงวันนั้น ทุกอย่างอยู่ที่การเลือกตั้ง และการวางยุทธศาสตร์ก็ทำเป็น กฎหมายควบคู่กับรัฐธรรมนูญที่ต้องเดินไปตามนี้ ส่วนใครจะล้มอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วเพราะปล่อยให้ทำกันเอง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทุกพรรคต้องเข้ามาวาดประเทศว่าจะไปทางไหน วันนี้ทุกจังหวัดได้งบปรระมาณมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะนายกฯ ไม่ได้อยู่พรรคไหน ทุกจังหวัดคือพรรคของรัฐบาล เดี๋ยวจะหาว่าตนเองพูดการเมืองอีก แต่เราต้องดูแลคนไทยทุกคน และขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกันเอง เลิกเอาคนไปตีกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาที่ขณะนั้นมีชาวต่างชาติ แต่วันนี้มีคนไทยตีกันเอง และจะตีกันเองทำไม ประชาธิปไตย ตีกันมากกว่า 10 ปีทำให้เส้นเลือดของประเทศตีบตัน วันนี้จึงต้องปลดล็อกสิ่งเหล่านี้ให้ได้ และวันนี้ต้องปฏิรูปประเทศเพื่อประชาชน ไม่ได้ปฎิรูปให้ตนเองมีอำนาจอยู่
“ผมไม่ได้มาหาเสียง แต่มาพูดเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นอะไร การเมืองต้องไม่ทำให้ประเทศถอยหลังอีกต่อไปสัญญากับผมได้หรือไม่ ใครคิดว่าจะทำให้การเมืองมันดีขึ้น ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลดีขึ้น เลือกตั้งได้คนดี ยกมือขึ้น คนดีคือคนที่ทำให้เราอย่างแท้จริง และทำให้คนอื่นด้วย รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง การฟอร์มรัฐบาลก็มาจากหลายพรรคคนละพรรค เว้นแต่เมื่อไหร่ตั้งนายกฯ แต่เวลาคณะรัฐมนตรีทำงานต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ทั้งที่เลือกและไม่เลือกตัวเองมา เพราะรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยทำตามเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่เสียงที่เลือกเรามาเท่านั้น แต่คือคนทั้งประเทศ ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาล นั่นคือเสียงจากคนทั้งประเทศ แต่คนที่เป็นฝ่ายค้าน ที่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่จะไม่ดูแลเขาเลยหรือ เขาไม่ใช่คนไทยหรือ”
ดังนั้น อย่าให้ระบบประชาธิปไตยคัดกรองคนแบบนี้เข้ามา มาแบ่งแยกภาคเหนือ ภาคใต้ ตะวันออก และตะวันตก เป็นของคนนั้นคนนี้ ไม่ได้อีกแล้ว เพราะหากทำอย่างนั้นร่างกายเราก็จะสิ้นสภาพ และวันหน้าเทียบดูก็แล้วกันว่า สิ่งที่เขาพูดกับที่ผมพูดต่างกันหรือไม่ผมไม่ได้พูดให้ใคร แต่พูดให้ประชาชน และวันหน้าใครเป็นรัฐบาล ท่านก็คงอยากได้รัฐบาลดีๆ ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมดีที่สุด หรือรัฐบาลนี้ดีที่สุด เพียงแต่ผมคิดแบบนี้ ทุกเรื่องไม่มีผลประโยชน์”
จากนั้นนายกฯ เดินชมนิทรรศการของทางจังหวัด เมื่อมาถึงจุดการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้มีรายได้น้อย นายกฯถามว่า อยากให้ช่วยอะไรไหม ชาวบ้านตอบว่า อยากให้ช่วยพยุงราคาข้าว นายกฯ จึงกล่าวว่า
“จะพยุงได้อย่างไร เพราะตอนนี้รัฐบาลยังใช้หนี้ 5 แสนล้านบาท ให้กับโครงการรับจำนำข้าว และข้าวต้องมีราคากลาง จะให้ 15,000 บาท ทุกประเภทไม่ได้ อย่าให้ใครมาบอกว่าจะให้ราคาข้าว 15,000 ถึง 20,000 บาท มันผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา รัฐบาลต้องแบกให้เท่าไร ใช้หนี้มา 4 ปีแล้ว จากที่ผลาญมาจากรอบที่แล้ว”
พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้รับประทานข้าวกับน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาร้า ขนมจีนน้ำยา โดยบอกว่าอร่อยมาก ขอซื้อกลับบ้านทั้งหมด ก่อนชิมข้าวหมาก และน้ำมะนาวสด
จากนั้นนายกฯ สักการะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยอธิบดีกรมศิลปากรได้มอบรูปหล่อจำลองสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และหนังสือนำชมพระนารายณ์ราชนิเวศ ให้แก่นายกรัฐมนตรี ก่อนเยี่ยมชมโครงการบำรุงรักษาและอนุรักษ์ต้นจัน อายุ 300 ปี
ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
Post A Comment: