วันที่ 17 กรกฎาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้ความเห็นกรณีข่าวกลุ่มสามมิตรดูดตัวอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่กระทบถึง นปช. และมวลชนที่ร่วมต่อสู้กันมา เพราะทุกคนยังยืนยันในหลักการประชาธิปไตยและไม่ได้ต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ไม่ได้ไปกดดันกับมวลชนว่าห้ามไปร่วมกับกลุ่มสามมิตร ถ้าหากกลุ่มสามมิตรคิดว่า ขบวนการดูดดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการทางการเมืองก็ทำได้ ส่วนประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรตนเคารพในวิจารณญาณของประชาชน คิดว่าการย้ายพรรคของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยที่มีการเลือกตั้ง แต่คราวนี้ที่เป็นข่าวกันมากเพราะมีการวางโรดแม็ปการสืบทอดอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงเกิดปัญหาความไม่ชอบธรรมและเป็นเรื่องที่ไม่ปกติและประชาชนต้องให้ความสำคัญในการตัดสินใจ ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่า การเลือกเดินไปข้างหน้าด้วยความยุติธรรม สุจริต โปร่งใส การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นการชี้ทางออกของประเทศ
เมื่อถามว่า ขบวนการดูดแกนนำ นปช. มีการต่อรองเรื่องคดีความโดยเฉพาะ นายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และแกนนำเสื้อแดงที่มีคดีความอยู่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า เท่าที่จำได้ นายสุพร ได้ประกาศยุติบทบาททางการเมืองและได้สาบานที่อนุสาวรีย์ย่าโม หลังจากการยึดอำนาจของ คสช. ได้ไม่นาน จากนั้นก็ไม่ได้พบกับนายสุพรอีกเลย
“ถ้าเขาตัดสินใจร่วมกับพรรคพลังประชารัฐก็เป็นสิทธิ์โดยชอบของ นายสุพร แต่ทั้งนี้ความเป็นนปช.ต้องดำรงอยู่ตามหลักการประชาธิปไตย เมื่อใดก็ตามที่ใครทิ้งหลักการนี้ หรือไปสนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจก็ถือว่าสิ้นสภาพความเป็น นปช. ไม่ใช่ตนหรือแกนนำเป็นคนตัดสินแต่อยู่ที่หลักการเป็นคนตัดสิน”
เมื่อถามว่า วิเคราะห์ได้หรือไม่ที่มีการดูดแกนนำ นปช. ในพื้นที่ต่างๆ นายนัฐวุฒิ กล่าวว่า ใครก็ตามที่มีเป้าหมายทางการเมืองในสนามเลือกตั้ง ก็คงมองไปที่มวลชนทุกกลุ่มอยากให้เข้าร่วมและสนับสนุน ซึ่งคิดว่าผู้มีอำนาจจะมองนปช.เป็นปรปักษ์ต้องทำให้ย่อยสลายไป แต่ความจริงตลอด 4 ปีเราไม่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจ เราสงบอยู่ในที่ตั้ง ดังนั้นถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจจะดูดหรืออะไรต่อไปตนก็ไม่ห้ามก็ขอให้ไปเต็มที่ ส่วนประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนด้วย
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกลุ่มสามมิตรดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า ก็ต้องหันไปดูด้วยว่าคนที่เข้ามาพรรคมีมากกว่าที่ดูดออกไปหรือเปล่า เพราะเท่าที่ได้ยินมาในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อมีกระแสข่าวดูดส.ส. ก็มีคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาอีก 3-4 เท่าตัวเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย แต่ขณะนี้ยังติดล็อกทางการเมืองอยู่ ไม่สามารถคัดสรรผู้สมัครได้ก็ต้องรอระยะเวลาซึ่งการที่ไหลออกและเข้ามามีความต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ข่าวจาก แนวหน้า
Post A Comment: