นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า จากการศึกษาพฤติกรรมการทางการเงินของคนไทยจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า โดยเฉลี่ยคนไทยมีการใช้จ่ายถึง 76.2% ของรายได้ทั้งหมด มีการออมเงิน 20.4% แบ่งเป็นเงินลงทุน 18.0% และเงินฝาก 2.04% และการประกันความเสี่ยง เช่น การทำประกัน ราว 3.4% ทั้งนี้ พบว่าส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นสูงถึง 1 ใน 4 ของรายได้ต่อเดือน โดยราว 74% หรือ 20,840 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัว และค่าเดินทาง ส่วนอีก 26% หรือ 7,425 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ได้แก่ รับประทานอาหารนอกบ้าน 6,021 บาท สุรา 530 บาท โดยคนไทยบริโภคสุราเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย หรือราว 8.3ลิตรต่อคนต่อปี บุหรี่ 235 บาท โดยคนไทยที่สูบบุหรี่มีกว่า 12.2 ล้านคน คิดเป็น 22%ของประชากรอายุมากกว่า 15 ปี และหวย 433 บาท ซึ่งพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทยเป็นสาเหตุของรอยรั่วเงินออม และการขาดวินัยในการออมเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยมีเงินออมไม่พอเพียง

“ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทย ที่สำคัญคือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปเน้นความสะดวกสบายและรวดเร็ว ติดหรู เช่น ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น เน้นสถานที่บรรยากาศดี ชิลชิล ชิคชิค และนิยมเสพโซเชียลมีเดีย แชท แชร์ เพิ่มขึ้น ทำให้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพื่อให้ไลฟ์สไตล์ดูดี หรือโดยรวมคือ เห่อกินเที่ยว-Social Social มาก่อน-ออมทีหลัง” นายนริศกล่าว

ประชาชาติธุรกิจ
Axact

Axact

Vestibulum bibendum felis sit amet dolor auctor molestie. In dignissim eget nibh id dapibus. Fusce et suscipit orci. Aliquam sit amet urna lorem. Duis eu imperdiet nunc, non imperdiet libero.

Post A Comment: