เกิดความกังวลว่าเขื่อนอีกหลายแห่งอาจจะแตกได้หลังมีฝนตกหนักมากจนเกิดอุทกภัยร้ายแรงในประเทศเมียนมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องเร่งอพยพชาวบ้านมากกว่า 28,000 ครัวเรือนรวมเป็นประชาชนกว่า 130,000 ราย อีกทั้งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 กว่าราย อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ทั่วทั้งสี่จังหวัดของเมียนมาจมอยู่ใต้น้ำโคลน โดยทีมกู้ภัยพยายามเข้าไปยังหมู่บ้านต่างๆ ด้วยเรือ เพื่อส่งอาหารให้กับชาวบ้านที่ไม่สามารถหรือปฏิเสธที่จะออกจากบ้านของตน
ที่ย่านมะเดาะ (Madauk) ในเมืองพะโค (Bago) น้ำเอ่อล้นเขื่อนโดยระดับน้ำสูงขึ้นมาจนห่างจากด้านบนของสันเขื่อนเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น และชาวบ้านกลัวว่าฝนในช่วงมรสุมฤดูร้อนอาจจะทำให้เกิดภัยพิบัติได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดว่าในขณะนี้มีโอกาสน้อยที่ระดับน้ำจะลดลง
สื่อเมียนมาระบุว่า มีคำสั่งอพยพในหลายพื้นที่ทั้งเมืองพะโค รัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ และเขตตะนาวศรี ที่มีเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่กำลังเอ่อล้นถึง 36 แห่ง
ชาวบ้านหลายคนไม่สามารถหนีออกจากบ้านไปยังที่พักชั่วคราวได้ หรือบางรายก็เลือกที่จะอาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วมเพราะหวังว่าระดับน้ำจะเริ่มลดลง
วัดแห่งหนึ่งที่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ 5 รูปกลายเป็นจุดศูนย์กลางรับบริจาคอาหาร ก๋วยเตี๋ยว และขนม ของหมู่บ้านมะอูบีน (Maubin) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชาวบ้านประมาณ 108 ครัวเรือน
"เราเคยประสบปัญหาน้ำท่วมหนักเช่นนี้เมื่อปี 2000 ปีนี้เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปีนั้น" "ถ้าน้ำยังคงท่วมต่อเนื่อง ผู้คนจะต้องดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ" ผู้ประสบภัยรายหนึ่งกล่าว
แม้พม่าจะเพิ่งเข้าสู่ฤดูมรสุม แต่ไม่ใช่ประเทศเดียวที่ต้องเผชิญกับอุทกภัย ฝนที่ตกหนักในปีนี้ได้ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงอย่างประเทศลาวเกิดน้ำท่วมหนักเพราะเขื่อนแตกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บ้านเรือนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายราย
ข่าวจาก สำนักข่าวซินหัว
Post A Comment: